Last Updated on ตุลาคม 31, 2025 by admin
สรุปย่อ: รู้จัก ต้นกระดังงา ใน 1 นาที
- คืออะไร: ไม้ต้นในวงศ์กระดังงา มีดอกหอมแรง สีเขียวอ่อนถึงเหลืองนวล ใช้ปลูกประดับและกลั่นน้ำมันหอม
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Cananga odorata (Lam.) Hook.f. & Thomson
- ชื่อสามัญ: Ylang-ylang
- ชื่อท้องถิ่น: กระดังงาไทย, สะบันงา, สะบันงาต้น
- กลิ่นหอม: หอมแรงช่วงเย็นถึงค่ำ เป็นฐานกลิ่นในน้ำหอมระดับโลก
- แหล่งกำเนิด: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหมู่เกาะแปซิฟิก
ลักษณะทั่วไปของ ต้นกระดังงา
- รูปทรง: ไม้ต้นสูง 10–20 เมตร หากไม่ตัดแต่งจะสูงโปร่ง กิ่งเอนและแตกต่ำได้เมื่อเด็ดยอดตั้งแต่เล็ก
- ใบ: รูปรี ปลายแหลม ขอบเรียบ สีเขียวเข้มเป็นมัน
- ดอก: กลีบดอกยาวเรียว บิดเป็นเส้น มีสีเขียวอ่อนเมื่อเริ่มบานและเปลี่ยนเป็นเหลืองนวล มีกลิ่นหอมแรงโดยเฉพาะช่วงเย็น
- ผล: ผลกลุ่มทรงกลมสีเขียวเข้ม ออกตามปลายกิ่ง
ความแตกต่างของ ต้นกระดังงาแต่ละชนิด
| ชื่อ | ลักษณะ | หมายเหตุ |
|---|---|---|
| กระดังงาไทย | ไม้ต้นสูง ดอกสีเหลืองนวล หอมแรง ใช้กลั่นน้ำมัน | เป็นสายพันธุ์หลักที่ปลูกทั่วไป |
| กระดังงาจีน | ไม้เถาเลื้อย ดอกเหลืองอมเขียว หอมอ่อน | ปลูกเป็นไม้ซุ้ม |
| การเวก (สะบันงาเครือ) | ไม้เถาเลื้อยพื้นเมืองไทย ดอกเล็ก กลิ่นหอมอ่อน | ใช้ประดับและปลูกเลื้อยซุ้ม |
การปลูกและการดูแล
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- ชอบแดดจัดถึงแดดครึ่งวัน
- ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี pH กลางถึงอ่อนกรด
- อากาศร้อนชื้นเหมาะที่สุด
- หลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำขังและลมแรงจัด
วิธีปลูก
- ขุดหลุมกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร
- ผสมดินปลูกกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1:1
- วางต้นกล้ากระดังงาลงหลุม กลบดินให้แน่นพอประมาณ
- รดน้ำให้ชุ่มและปักไม้ค้ำพยุงต้นในช่วงแรก
การให้น้ำและปุ๋ย
- รดน้ำทุก 2–3 วันในช่วงแรกของการปลูก
- เมื่อโตแล้วสามารถรดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เดือนละ 1 ครั้งเพื่อบำรุงใบและลำต้น
- ก่อนออกดอก ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 เพื่อเร่งการออกดอก
การตัดแต่งและฟอร์มต้น
- เด็ดยอดตอนต้นยังเล็กเพื่อให้แตกกิ่งด้านข้าง
- ตัดแต่งกิ่งแห้งหรือกิ่งไขว้กันทุกปี
- หากปลูกเพื่อเก็บดอก ควรตัดแต่งให้พุ่มเตี้ยเพื่อเก็บสะดวก
โรคและแมลงที่พบบ่อย ในต้นกระดังงา
- เพลี้ยอ่อนและเพลี้ยแป้ง: ดูดน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อน ทำให้ยอดหงิกงอ ควรพ่นน้ำสบู่อ่อนหรือน้ำมันพืชสกัด
- หนอนกัดใบ: ใช้วิธีเก็บทำลายและพ่นสารชีวภัณฑ์
- เชื้อราใบจุด: เกิดจากความชื้นสูง ตัดใบที่เป็นโรคออกและเว้นระยะปลูกให้โปร่ง
การเก็บดอกและการกลั่นน้ำมันหอมระเหย
- ดอกกระดังงาที่ให้กลิ่นดีที่สุดคือ “ดอกบานเต็มที่” สีเหลืองนวล
- เก็บในตอนเช้ามืดหรือเช้าตรู่เพื่อลดการสูญเสียกลิ่นหอม
- ดอกสดสามารถนำไปกลั่นไอน้ำเพื่อผลิตน้ำมันหอมได้ ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 1–2% ของน้ำหนักดอกสด
- น้ำมันหอมที่ได้มีกลิ่นฟลอรัลหวานมัน ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม สบู่ โลชั่น และอโรมาเธอราพี
ประโยชน์ของ ต้นกระดังงา
- ปลูกประดับและให้ร่มเงา – ทรงต้นสวย ดอกหอมแรง
- ใช้กลั่นน้ำมันหอมระเหย – เป็นวัตถุดิบหลักของน้ำหอมระดับโลก
- ใช้แต่งกลิ่นชาและขนม – ต้องเลือกดอกปลอดสารและใช้ในปริมาณน้อย
- ใช้ในอโรมาเธอราพี – กลิ่นช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: กระดังงาต้องการแสงแดดมากไหม?
ตอบ: ต้องการแสงแดดครึ่งวันถึงเต็มวัน ยิ่งได้รับแสงมาก ดอกจะดกและกลิ่นแรง
ถาม: ปลูกในกระถางได้ไหม?
ตอบ: ได้ ควรใช้กระถางขนาดใหญ่ ดินร่วนซุย และตัดแต่งให้พุ่มไม่สูงเกินไป
ถาม: เก็บดอกช่วงไหนน้ำมันหอมดีที่สุด?
ตอบ: ดอกบานเต็มที่ สีเหลืองนวล เก็บในช่วงเช้าจะให้กลิ่นเข้มข้นที่สุด
ถาม: กระดังงากับกระดังงาจีนต่างกันอย่างไร?
ตอบ: กระดังงาเป็นไม้ต้น ส่วนกระดังงาจีนเป็นไม้เถาเลื้อย แม้ดอกหอมคล้ายกันแต่เป็นคนละสกุล
บทสรุป
ต้นกระดังงาเป็นไม้หอมประจำถิ่นที่ให้ทั้งความสวยงามและคุณค่าทางเศรษฐกิจ
ปลูกง่าย โตไว ให้ดอกหอมแรง เหมาะสำหรับทั้งปลูกประดับบ้านและเพื่อการค้าผลิตน้ำมันหอมระเหย
หากได้รับแสงแดดเพียงพอ ดินร่วนชื้นแต่ไม่แฉะ และตัดแต่งสม่ำเสมอ จะให้ดอกงามและกลิ่นหอมสดชื่นตลอดปี
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน










