พฤษภาคม 21, 2025

Blog

ต้นกระท้อน ไม้ผลยืนต้นคู่ครัวไทย มากประโยชน์

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

Last Updated on เมษายน 21, 2025 by admin

ต้นกระท้อน (Sandoricum koetjape Merr.) เป็นไม้ยืนต้นที่คนไทยและผู้คนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นอกจากจะเป็นไม้ผลที่ให้ร่มเงาในบริเวณบ้านแล้ว ผลของมันยังมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับไม้ยืนต้นชนิดนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ สายพันธุ์ที่นิยมปลูก วิธีการปลูกและการดูแลรักษา ไปจนถึงประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากพืชชนิดนี้

ถิ่นกำเนิดของ ต้นกระท้อน และการแพร่กระจาย

กระท้อนมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณคาบสมุทรมลายู อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ปัจจุบันพืชชนิดนี้ได้รับการนำไปเพาะปลูกอย่างแพร่หลายในประเทศเขตร้อนต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ทั้งที่ปลูกไว้เพื่อเก็บผลในสวนเกษตร หรือปลูกไว้เป็นไม้ให้ร่มเงาประจำบ้าน

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นกระท้อน

  • ลักษณะลำต้น: ต้นกระท้อนเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ มีความสูงได้ถึง 15-30 เมตร ลำต้นตั้งตรง มีเรือนยอดแผ่กว้าง เปลือกต้นด้านนอกมีสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบหรืออาจแตกเป็นสะเก็ดเล็กน้อยเมื่อต้นมีอายุมากขึ้น เปลือกด้านในมีสีชมพูหรือแดงเรื่อๆ และมียางสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมไหลซึมเมื่อเกิดแผล เนื้อไม้ของมันมีความเหนียวพอประมาณ นิยมใช้ในงานก่อสร้างท้องถิ่นและทำเครื่องเรือน
  • ลักษณะใบ: ใบของพืชชนิดนี้เป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ ซึ่งมีใบย่อย 3 ใบ จัดเรียงตัวแบบสลับบนกิ่ง ใบย่อยมีรูปไข่หรือรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบอ่อนที่แตกใหม่มักมีสีเขียวอ่อนหรืออมชมพู ในบางช่วงปี ใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือส้มแดงก่อนร่วง (มีลักษณะกึ่งผลัดใบ)
  • ลักษณะดอก: ดอกจะออกเป็นช่อแบบแยกแขนง (Panicle) ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีขนาดเล็ก สีเหลืองอมเขียว หรือเขียวอ่อนปนชมพู และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
  • ลักษณะผล: ผลที่ได้จากไม้ผลชนิดนี้มีลักษณะดังนี้:
    • รูปทรง: ผลค่อนข้างกลม หรือกลมแป้น
    • ขนาด: ขนาดผลแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
    • เปลือก: เปลือกผลค่อนข้างหนา ผิวด้านนอกปกคลุมด้วยขนละเอียดนุ่มคล้ายกำมะหยี่ ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เหลืองอมน้ำตาล หรือเหลืองอมชมพู
    • เนื้อ: เนื้อผลแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ เปลือกผลด้านใน ซึ่งติดกับผิวเปลือก มีความหนา เนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีรสเปรี้ยวหรือเปรี้ยวอมหวาน และส่วนเนื้อหุ้มเมล็ด ที่อยู่ด้านในสุด เป็นปุยสีขาวขุ่น นุ่มฟู หุ้มเมล็ดไว้ มีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว
    • เมล็ด: ภายในผลมีเมล็ด 3-5 เมล็ด รูปไข่ค่อนข้างแบน สีน้ำตาล เมล็ดจากผลกระท้อนมีขนาดใหญ่และแข็ง ไม่ควรกลืน เพราะอาจเป็นอันตรายได้
  • รสชาติ: ผลกระท้อนมีรสชาติซับซ้อน ส่วนเปลือกด้านในมักเปรี้ยวนำ ส่วนเนื้อปุยหุ้มเมล็ดจะหวานกว่า ซึ่งความเปรี้ยวหวานนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์

สายพันธุ์กระท้อนที่นิยมปลูก

การเลือกปลูกกระท้อนมักพิจารณาจากสายพันธุ์ที่ให้ผลตรงตามความต้องการ ดังนี้:

พันธุ์ทับทิม: ผลจากพันธุ์นี้คล้ายพันธุ์ปุยฝ้าย แต่เนื้อปุยอาจมีสีอมชมพูเรื่อๆ รสชาติหวาน

พันธุ์ปุยฝ้าย: เป็นสายพันธุ์ที่นิยมรับประทานผลสดมากที่สุด ผลจากพันธุ์นี้มีเนื้อปุยหุ้มเมล็ดหนาฟู สีขาว รสหวานนำ เปลือกด้านในไม่ฝาดมาก

พันธุ์อีล่า: พันธุ์พื้นเมืองนี้ นิยมนำผลไปแปรรูปหรือทำอาหารคาว ผลมักมีขนาดใหญ่ เปลือกด้านในหนาและรสเปรี้ยวจัด เหมาะสำหรับทำตำกระท้อนหรือแกงกระท้อน

การปลูกและดูแลรักษาต้นกระท้อน

  • สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม: ต้นกระท้อนเจริญเติบโตได้ดีในดินหลายชนิด แต่ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำดี พืชชนิดนี้ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน และทนแล้งได้ดีพอสมควรเมื่อตั้งตัวได้แล้ว
  • การขยายพันธุ์กระท้อน:
    • เพาะเมล็ด: ง่าย แต่ต้นที่ได้อาจกลายพันธุ์และให้ผลช้า
    • ทาบกิ่ง/ติดตา/เสียบยอด: วิธีที่นิยมสำหรับขยายพันธุ์กระท้อนพันธุ์ดี เพื่อให้ได้ต้นที่ตรงตามสายพันธุ์และให้ผลผลิตเร็วขึ้น
  • การปลูก: ควรเว้นระยะปลูกที่เหมาะสมประมาณ 8×8 ถึง 10×10 เมตร เพื่อให้ทรงพุ่มของต้นสามารถแผ่ขยายได้อย่างเต็มที่
  • การดูแล: การให้น้ำมีความสำคัญ โดยเฉพาะช่วงแรกของการปลูกและช่วงที่ต้นกำลังติดผล ควรใส่ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดิน และอาจให้ปุ๋ยเคมีเสริมตามความเหมาะสม การตัดแต่งกิ่งไม่ซับซ้อน เน้นการตัดกิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรค หรือกิ่งที่ไม่ต้องการออก
  • โรคและแมลงศัตรู: ปัญหาหลักคือแมลงวันผลไม้ที่มักเจาะผล ควรมีการป้องกัน เช่น การห่อผล และดูแลความสะอาดในบริเวณที่ปลูก

การเก็บเกี่ยวผลผลิต

กระท้อนมักให้ผลผลิตในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน – สิงหาคม) สังเกตผลแก่ได้จากสีผิวที่เปลี่ยนไป และผลเริ่มนิ่มเล็กน้อย ควรใช้กรรไกรตัดที่ขั้วผลเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตจากต้น

การใช้ประโยชน์จากต้นกระท้อนและสรรพคุณ

  1. ประโยชน์จากผล: ผลกระท้อนนิยมนำมารับประทานสด (จิ้มพริกเกลือ/น้ำปลาหวาน), ทำตำกระท้อน, แกงกระท้อน, กระท้อนลอยแก้ว, กระท้อนแช่อิ่ม/ดอง, แยม หรือกระท้อนกวน
  2. ประโยชน์จากส่วนอื่น (ตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน):
    • ราก: ใช้เป็นยาถอนพิษไข้ แก้ท้องเสีย
    • เปลือกต้น: มีรสฝาด ใช้ต้มดื่มแก้ท้องเสีย หรือใช้ภายนอกรักษาโรคผิวหนัง
    • ใบ: ใช้ต้มอาบแก้ไข้ หรือตำพอกแก้ผดผื่น
  3. ประโยชน์จากเนื้อไม้: เนื้อไม้สามารถนำไปใช้ในงานก่อสร้าง หรือทำเครื่องเรือน เครื่องใช้สอยได้

ต้นกระท้อน ปลูกในบ้าน ได้ไหม?

สามารถปลูกในบริเวณบ้านได้ แต่มีข้อควรพิจารณาเนื่องจากเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ ต้องการพื้นที่ในการเจริญเติบโตค่อนข้างมาก ทั้งในส่วนของทรงพุ่มที่แผ่กว้าง และระบบรากที่อาจแผ่ขยายออกไปได้ไกล ดังนั้น หากต้องการปลูกในบริเวณบ้าน ควรมีพื้นที่เพียงพอและวางแผนการปลูกให้ห่างจากตัวอาคาร เพื่อป้องกันปัญหารากกระทบโครงสร้าง หรือกิ่งก้านสร้างความเสียหายได้ นอกจากนี้ การตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดก็เป็นสิ่งที่จำเป็นหากพื้นที่จำกัด

อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!