Last Updated on กุมภาพันธ์ 20, 2025 by admin
ต้นหูกวาง (Terminalia catappa) เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่พบเห็นได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น รวมถึงประเทศไทย ด้วยทรงพุ่มแผ่กว้างคล้ายร่ม ใบสีเขียวเข้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงส้มในฤดูหนาว และผลรูปไข่ที่คล้ายอัลมอนด์ ทำให้ต้นหูกวางเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในฐานะไม้ให้ร่มเงา และไม้ประดับ แต่แท้จริงแล้ว ต้นหูกวางมิได้มีเพียงความงามภายนอกเท่านั้น หากแต่ยังมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่น่าสนใจ และเรื่องราวความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นหูกวาง
- การจำแนกทางวิทยาศาสตร์:
- วงศ์ (Family): Combretaceae (วงศ์กระทุ่มพร)
- สกุล (Genus): Terminalia (สกุลหูกวาง)
- สปีชีส์ (Species): Terminalia catappa L.
- ชื่อสามัญ:
- ภาษาไทย: หูกวาง, ผักกาดทะเล, มะเม่าควาย, ลูกผักกาด
- ภาษาอังกฤษ: Sea Almond, Indian Almond, Tropical Almond, Catappa
- ลักษณะทั่วไป:
- ประเภท: ไม้ต้นผลัดใบ (Deciduous tree)
- ความสูง: สูงได้ถึง 20-35 เมตร
- ทรงพุ่ม: แผ่กว้างคล้ายร่ม หรือเป็นชั้นๆ (Pagoda-like) กิ่งก้านแตกออกในแนวขนานกับพื้น
- ลำต้น: เปลือกต้นสีน้ำตาลเทา แตกเป็นร่องลึกตามยาวเมื่ออายุมากขึ้น
- เรือนยอด: โปร่ง แผ่กว้าง
- ใบ:
- ชนิด: ใบเดี่ยว (Simple leaf)
- การเรียงตัว: เรียงสลับถี่บริเวณปลายกิ่ง (Rosette)
- รูปทรง: รูปไข่กลับ (Obovate) ปลายใบมน โคนใบสอบ
- ขนาด: กว้าง 10-25 เซนติเมตร ยาว 15-30 เซนติเมตร
- ขอบใบ: เรียบ เป็นคลื่นเล็กน้อย หรือหยักมนเล็กน้อย
- เนื้อใบ: ค่อนข้างหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบเรียบเป็นมัน
- สีใบ: อ่อนเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อแก่จัดเป็นสีเขียวเข้ม ก่อนผลัดใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดง หรือม่วงแดง สวยงาม
- ก้านใบ: สั้น แข็งแรง
- ดอก:
- ชนิด: ช่อดอกแบบช่อเชิงลด (Spike) ออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง
- ขนาด: ดอกขนาดเล็ก ไม่มีก้านดอกย่อย
- สี: ขาวนวล หรือเขียวอ่อน
- ส่วนประกอบดอก: กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกไม่มี เกสรเพศผู้ 10 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน
- กลิ่น: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
- ฤดูดอก: ช่วงฤดูฝน หรือต้นฤดูหนาว (ในประเทศไทยมักพบดอกช่วงเดือนสิงหาคม – มกราคม)
- ผล:
- ชนิด: ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว (Drupe)
- รูปทรง: รูปไข่ รูปรี หรือรูปกระสวย แบนเล็กน้อย มีสัน
- ขนาด: กว้าง 2.5-3.5 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซนติเมตร
- เปลือกผล: เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีเหลือง เขียวอมเหลือง หรือแดงอมม่วง เปลือกแข็งและเหนียว
- เนื้อผล: มีเนื้อน้อย เป็นเส้นใย รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อสุกจัดจะร่วน
- เมล็ด: มี 1 เมล็ด รูปรี แข็ง เปลือกหุ้มเมล็ดหนา
- ระบบราก:
- ระบบรากแก้ว: มีรากแก้วแข็งแรงหยั่งลึกลงดิน และมีรากแขนงแผ่ขยายด้านข้าง
- การขยายพันธุ์:
- เพาะเมล็ด: เป็นวิธีขยายพันธุ์หลัก
- ตอนกิ่ง: สามารถทำได้ แต่ไม่นิยมเท่าการเพาะเมล็ด
- ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์:
- ถิ่นกำเนิด: คาดว่ามีถิ่นกำเนิดในบริเวณเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
- การกระจายพันธุ์: แพร่กระจายทั่วไปในเขตร้อนชื้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย พบได้ตามป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ และพื้นที่เปิดโล่งทั่วไป
ต้นหูกวาง ประโยชน์ในด้านต่างๆ
- ให้ร่มเงา: ทรงพุ่มแผ่กว้าง ให้ร่มเงาได้ดี นิยมปลูกริมถนน ในสวนสาธารณะ และบริเวณบ้านเรือน
- ไม้ประดับ: ใบเปลี่ยนสีสวยงามในฤดูหนาว ดอกและผลมีลักษณะน่าสนใจ
- ประโยชน์ทางยา: เปลือกต้น ใบ ผล และเมล็ด มีสรรพคุณทางยาพื้นบ้าน ใช้รักษาอาการต่างๆ เช่น ท้องเสีย แก้ร้อนใน แก้ไอ เจ็บคอ
- ใช้สกัดสี: ใบและเปลือกผลให้สีน้ำตาล และสีเหลือง ใช้ในการย้อมผ้า และแห อวน
- เมล็ด: เมล็ดในรับประทานได้ มีรสชาติคล้ายอัลมอนด์ แต่มีขนาดเล็ก และต้องนำไปคั่วหรืออบก่อน
- น้ำมันจากเมล็ด: สกัดน้ำมันจากเมล็ดใช้ในอุตสาหกรรมสบู่ และเครื่องสำอาง
- เปลือกต้น: มีแทนนิน ใช้ในการฟอกหนัง
ความเชื่อ เกี่ยวกับ ต้นหูกวาง
ความเชื่อในวัฒนธรรมจีนและเอเชีย
ในความเชื่อของชาวจีน ต้นหูกวางถือเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความมีบุญญาบารมี โดยใบของต้นหูกวางที่เปลี่ยนสีเป็นส้มแดงในช่วงปลายใบก่อนผลัด ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ลก” หรือความโชคดีและความรุ่งเรืองในชีวิต ชาวจีนมักจะนำใบหูกวางมาใช้เป็นเครื่องหมายในพิธีกรรมหรือประดับตกแต่งในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล [
ความเชื่อในประเทศไทย
ในบางพื้นที่ของประเทศไทย ต้นหูกวางได้รับการยกย่องเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดหรือเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับความโชคดีและความมั่งคั่ง เช่น ในจังหวัดตราด ต้นหูกวางถูกถือเป็นต้นไม้ประจำจังหวัด นอกจากนี้ในบางโครงการหรือสถานที่ราชการ ต้นหูกวางถูกนำมาปลูกเพื่อให้ร่มเงาและเป็นสัญลักษณ์ของความยั่งยืนและความเจริญ
ต้นหูกวาง กับ สรรพคุณ ด้านต่างๆ
- ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant activity): สารสกัดจากใบ เปลือกต้น และผลของต้นหูกวาง พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์
- ฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory activity): สารสกัดจากส่วนต่างๆ ของต้นหูกวาง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ แผลอักเสบ และอาการปวดเมื่อย
- ฤทธิ์ต้านจุลชีพ (Antimicrobial activity): สารสกัดจากใบ เปลือกต้น และผลของต้นหูกวาง มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัสบางชนิด ซึ่งอาจช่วยในการรักษาโรคติดเชื้อต่างๆ
- ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด (Antidiabetic activity): งานวิจัยบางชิ้นพบว่า สารสกัดจากต้นหูกวางอาจมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน (อย่างไรก็ตาม ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล)
- ฤทธิ์ปกป้องตับ (Hepatoprotective activity): การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดจากต้นหูกวางอาจมีฤทธิ์ปกป้องเซลล์ตับจากความเสียหายจากสารพิษ
ที่มาของชื่อ “Sea Almond/Indian Almond” ในภาษาอังกฤษ
จริงๆ แล้วผลหูกวาง ไม่ได้เป็นญาติ กับอัลมอนด์ที่เรากินกันแต่ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะ เมล็ดในผลหูกวางมีรสชาติคล้ายอัลมอนด์ นั่นเอง
วิธีการดูแลรักษาต้นหูกวาง
ต้นหูกวางเป็นไม้ที่ต้องการการดูแลไม่มากนัก แต่เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีและมีอายุยืนยาว การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
1. การให้น้ำ
- ต้นกล้าและต้นอ่อน (อายุ 1-3 ปี): ในช่วงปีแรกๆ หลังปลูก ต้นหูกวางยังต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ รดน้ำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ในช่วงฤดูร้อน และ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ในช่วงฤดูฝน สังเกตดิน หากดินเริ่มแห้งก็ควรรดน้ำ
- ต้นโตเต็มที่ (อายุ 3 ปีขึ้นไป): เมื่อต้นหูกวางมีอายุมากขึ้น และระบบรากแข็งแรงแล้ว จะทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีขึ้น รดน้ำเฉพาะช่วงที่ ดินแห้งแล้งจัด เป็นเวลานาน หรือในช่วง ฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด โดยทั่วไปอาจรดน้ำ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ เมื่อสังเกตว่าดินแห้ง
- วิธีการรดน้ำ: รดน้ำให้ ชุ่มถึงราก สังเกตว่าน้ำซึมลงดินได้ดี ไม่ขังแฉะ หลีกเลี่ยงการรดน้ำบ่อยๆ แต่รดปริมาณน้อย เพราะจะทำให้รากตื้น และไม่แข็งแรง
- ช่วงเวลารดน้ำ: ควรรดน้ำในช่วง เช้า หรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำในช่วงกลางวันที่แดดร้อนจัด เพราะน้ำจะระเหยเร็ว และอาจทำให้ใบไหม้ได้
2. แสงแดด
- ความต้องการแสงแดด: ต้นหูกวางเป็นไม้ที่ ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกใน พื้นที่กลางแจ้ง ที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ผลกระทบของการขาดแสงแดด: หากปลูกในที่ร่ม หรือมีแสงแดดไม่เพียงพอ ต้นหูกวางจะ เจริญเติบโตช้า กิ่งก้านยืดยาว ไม่แข็งแรง และ ใบอาจมีสีซีด ไม่สวยงาม
3. ดิน
- ชนิดของดิน: ต้นหูกวาง ปรับตัวได้ดีกับดินหลายชนิด แต่จะเจริญเติบโตได้ดีที่สุดใน ดินร่วน ที่มี การระบายน้ำดี
- การปรับปรุงดิน: หากดินปลูกเป็นดินเหนียว หรือดินทรายจัด ควรปรับปรุงดินโดยการ ผสมอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก แกลบดิบ หรือใบไม้ผุ เพื่อเพิ่มความร่วนซุย และความอุดมสมบูรณ์ของดิน
- ความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH): ต้นหูกวางชอบดินที่มี ค่า pH เป็นกลาง ถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 6.0 – 7.0)
4. การใส่ปุ๋ย
- ความจำเป็นในการใส่ปุ๋ย: ต้นหูกวางไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก แต่การใส่ปุ๋ยบ้างเป็นครั้งคราว จะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วง ต้นอ่อน และช่วงฤดูฝน ที่มีการเจริญเติบโต
- ชนิดของปุ๋ย: แนะนำให้ใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยชีวภาพ เนื่องจากปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน หากต้องการใช้ ปุ๋ยเคมี สามารถใช้ ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ในปริมาณน้อยๆ
- ความถี่ในการใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ย ปีละ 2-3 ครั้ง ในช่วง ต้นฤดูฝน กลางฤดูฝน และปลายฤดูฝน หรือตามความเหมาะสม หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูแล้ง หรือช่วงที่ต้นกำลังผลัดใบ
- วิธีการใส่ปุ๋ย: โรยปุ๋ยรอบโคนต้น ห่างจากโคนต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร แล้ว พรวนดินกลบเล็กน้อย และ รดน้ำตาม เพื่อให้ปุ๋ยละลายและซึมลงดิน
5. การป้องกันโรคและแมลง
- โรคที่พบบ่อย: โดยทั่วไปต้นหูกวางค่อนข้างทนทานต่อโรค แต่ในสภาพอากาศที่ชื้น หรือมีการดูแลที่ไม่เหมาะสม อาจพบโรคเชื้อรา เช่น โรคใบจุดหรือ โรคราสนิม
- แมลงศัตรู: แมลงศัตรูที่อาจพบ เช่น หนอนเจาะลำต้น เพลี้ยแป้ง ไรแดง
- การป้องกันและกำจัด:
- ดูแลต้นให้แข็งแรง: การดูแลต้นให้ได้รับน้ำ แสงแดด และปุ๋ยอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ต้นแข็งแรง และต้านทานต่อโรคและแมลงได้ดีขึ้น
- ตัดแต่งกิ่ง: การตัดแต่งกิ่งที่โปร่ง จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดความชื้น และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเชื้อรา
- กำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชรอบโคนต้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดแหล่งสะสมของโรคและแมลง
- สำรวจโรคและแมลง: หมั่นสำรวจต้นอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรค หรือแมลงระบาด ควรรีบทำการกำจัดด้วยการฉีดสารเคมีตามความเหมาะสม
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน