กุมภาพันธ์ 7, 2025

Blog

ปลูกผักหวาน ชนิดไหนดี? ผักหวานป่า หรือ ผักหวานบ้าน

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

Last Updated on กุมภาพันธ์ 3, 2025 by admin

ผักหวาน…ชื่อก็บอกว่าหวาน แต่ความหวานนั้นมีสองแบบ! ใครที่เคยลิ้มลองรสชาติของผักหวาน คงจะรู้ถึงความแตกต่างระหว่าง “ผักหวานบ้าน” กับ “ผักหวานป่า” ผักหวานทั้งสองชนิดนี้ ไม่ได้มีดีแค่รสชาติที่อร่อย แต่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับผักหวานทั้งสองชนิด พร้อมเปิดเคล็ดลับการปลูกผักหวานให้ได้ผลผลิตงอกงาม สร้างรายได้เสริมแบบปังๆ

ผักหวานบ้าน vs ผักหวานป่า: ความเหมือนที่แตกต่าง

ถึงแม้จะชื่อ “ผักหวาน” เหมือนกัน แต่ผักหวานบ้านและผักหวานป่าก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน

ขั้นตอนการ ปลูกผักหวาน

1. รู้จักผักหวาน: เลือกพันธุ์ที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ

ผักหวานมี 2 ชนิดหลักๆ คือ ผักหวานบ้านและผักหวานป่า แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป

  • ผักหวานบ้าน: ปลูกง่าย โตเร็ว ให้ผลผลิตเร็ว แต่รสชาติอาจไม่หวานเท่าผักหวานป่า
  • ผักหวานป่า: รสชาติหวานกว่า หอมกว่า แต่ปลูกยากกว่า ต้องใช้เวลาและความอดทน

2. เตรียมดิน เตรียมสถานที่ให้พร้อม

ผักหวานชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุสูง แสงแดดก็สำคัญ แต่ผักหวานป่าต้องการร่มเงาในช่วงแรกของการปลูก

  • เตรียมดิน: ไถพรวนดินให้ลึก 30-40 ซม. กำจัดวัชพืช ปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
  • ทำค้าง: ผักหวานเป็นไม้เลื้อย ต้องมีค้างให้เลื้อย ค้างอาจทำจากเสาปูน เสาไม้ หรือโครงเหล็ก สูงอย่างน้อย 2-2.5 เมตร
  • เว้นระยะ: ปลูกห่างกัน 1-2 เมตร

3. ลงมือปลูกผักหวานอย่างถูกวิธี

ผักหวานบ้าน

การปลูกผักหวานบ้านที่นิยมและให้ผลผลิตเร็วกว่าคือการปักชำกิ่ง

  • ปักชำกิ่ง: เลือกกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง อายุ 1 ปีขึ้นไป ตัดยาว 20-30 ซม. ทาปูนแดงที่รอยตัด ปักชำในดินที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม รอจนรากงอก

ผักหวานป่า

การปลูกผักหวานป่าที่นิยมคือการเพาะเมล็ด

  • เพาะเมล็ด: คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ แช่น้ำ 1 คืน ห่อด้วยผ้าเปียก ทิ้งไว้ 2-3 วัน จนเมล็ดงอก นำไปเพาะในกระถางเพาะหรือถาดเพาะ เมื่อต้นกล้าอายุ 2-3 เดือน ค่อยย้ายลงแปลง

4. การดูแลรักษา (ผักหวานบ้าน และ ผักหวานป่า)

  • การให้น้ำ:
    • ผักหวานบ้าน: รดน้ำให้ชุ่มในช่วงแรกของการปลูก และรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงฤดูร้อน แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง
    • ผักหวานป่า: ต้องการความชื้นสูง แต่ไม่ชอบน้ำขัง ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
  • การให้ปุ๋ย:
  • การตัดแต่งกิ่ง:
    • ผักหวานบ้าน: ตัดแต่งกิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้ต้นมีทรงพุ่มที่เหมาะสม และแสงแดดส่องถึงทั่วถึง
    • ผักหวานป่า: ตัดแต่งกิ่งที่แห้งหรือเป็นโรคออก เพื่อให้ต้นผักหวานป่าเจริญเติบโตได้ดี
  • การกำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารและน้ำจากต้นผักหวาน
  • การป้องกันโรคและแมลง: หมั่นสังเกตต้นผักหวานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคและแมลง หมั่นฉีดพ่น
    สารชีวภัณฑ์ กำจัดแมลงอยู่เป็นประจำ

5. การเก็บเกี่ยว

  • ผักหวานบ้าน: จะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 6-8 เดือน ควรเก็บเกี่ยวเมื่อยอดอ่อนมีขนาดพอเหมาะ ไม่แก่เกินไป
  • ผักหวานป่า: จะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 2-3 ปี ควรเก็บเกี่ยวเมื่อยอดอ่อนมีขนาดพอเหมาะ ไม่แก่เกินไป

เปรียบเทียบ ประโยชน์ของผักหวาน ทั้ง 2ชนิด ต่อร่างกาย

คุณค่าทางโภชนาการ

(ปริมาณสารอาหารต่อ 100 กรัม)

สารอาหารผักหวานป่าผักหวานบ้าน
พลังงาน42 กิโลแคลอรี39 กิโลแคลอรี
โปรตีน5.1 กรัม4.2 กรัม
คาร์โบไฮเดรต5.7 กรัม6.1 กรัม
ไขมัน0.4 กรัม0.3 กรัม
ใยอาหาร2.1 กรัม1.8 กรัม
วิตามินซีสูงมากสูงปานกลาง
แคลเซียมสูง (113 มก.)ปานกลาง (90 มก.)
ฟอสฟอรัส67 มก.56 มก.
ธาตุเหล็ก3.2 มก.2.8 มก.

👉 สรุป: ผักหวานป่ามีโปรตีนและแร่ธาตุบางชนิดสูงกว่าผักหวานบ้านเล็กน้อย

สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ

คุณสมบัติผักหวานป่าผักหวานบ้าน
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ✅ สูง (มีฟลาโวนอยด์และวิตามินซีสูง)✅ มีสารต้านอนุมูลอิสระแต่ปริมาณน้อยกว่า
บำรุงกระดูกและฟัน✅ แคลเซียมสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน✅ มีแคลเซียม แต่ไม่สูงเท่าผักหวานป่า
ช่วยระบบขับถ่าย✅ ไฟเบอร์สูง กระตุ้นลำไส้✅ ไฟเบอร์สูง ช่วยแก้อาการท้องผูก
บำรุงสายตา✅ มีวิตามินเอสูง✅ มีวิตามินเอเช่นกัน
ลดความดันโลหิต✅ มีสารช่วยขยายหลอดเลือด✅ มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต แต่ไม่แรงเท่าผักหวานป่า
แก้ร้อนใน ขับพิษ✅ ใช้ในตำรับยาไทยช่วยลดร้อนใน✅ มีฤทธิ์เย็นช่วยลดไข้ แต่ไม่เด่นเท่าผักหวานป่า
บำรุงน้ำนมแม่✅ นิยมใช้ในหญิงให้นมบุตร✅ ช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่เช่นกัน

👉 สรุป:

  • ผักหวานป่ามี สารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า และ แร่ธาตุสำคัญมากกว่า จึงมีสรรพคุณทางยาที่เด่นกว่า
  • ผักหวานบ้าน อ่อนนุ่มกว่า รับประทานง่ายกว่า และยังให้ประโยชน์ทางโภชนาการที่ดี

การปลูกผักหวาน ไม่ว่าจะเป็นผักหวานบ้านหรือผักหวานป่า นอกจากจะได้ผักสดๆ ไว้รับประทานเองในครอบครัวแล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีอีกด้วย ผักหวานอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ทั้งช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสายตา ช่วยระบบขับถ่าย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวพรรณ การปลูกผักหวานจึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!