Last Updated on กุมภาพันธ์ 1, 2025 by admin
“สับปะรด” ผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ ไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่สับปะรดยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการปลูกสับปะรดจะดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วมีรายละเอียดและขั้นตอนที่ต้องใส่ใจ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณที่น่าพอใจ บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ทุกขั้นตอนเกี่ยวกับการปลูกสับปะรดอย่างละเอียด ตั้งแต่การเตรียมดิน การเลือกหน่อพันธุ์ การดูแลรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว
แนวทางการปลูกสับปะรด ให้ได้ผลผลิตสูง
1. การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูก: สับปะรดชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี และมีแสงแดดเพียงพอ ควรเลือกพื้นที่ที่ไม่มีน้ำท่วมขัง และมีอินทรียวัตถุสูง หากดินมีปัญหา เช่น เป็นดินเหนียว หรือดินเปรี้ยว ควรปรับปรุงดินก่อนทำการปลูก
- การปรับปรุงดิน: หากดินเป็นดินเหนียว ควรเติมทรายหรือวัสดุอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดิน หากดินเป็นดินเปรี้ยว ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับค่า pH ของดินให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสับปะรด (pH 5.5-6.5)
- การไถพรวนดิน: ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร เพื่อกำจัดวัชพืช และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก การไถพรวนดินจะช่วยให้ดินร่วนซุยขึ้น ทำให้รากสับปะรดเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น
- การยกแปลง: ยกแปลงปลูกให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ดินระบายน้ำได้ดี และป้องกันโรครากเน่า โดยทั่วไปจะยกแปลงให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร
1.1 ปลูกสับปะรด 1 ไร่ กี่ ต้น ?
ระยะปลูกที่นิยม
โดยทั่วไปแล้ว เกษตรกรนิยมใช้ระยะปลูก 2 แบบ คือ
- ระยะปลูกแบบแถวเดี่ยว: ระยะห่างระหว่างแถว 1 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ทำให้ปลูกได้ประมาณ 8,000 ต้นต่อไร่
- ระยะปลูกแบบแถวคู่: ระยะห่างระหว่างแถว 1.5 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ทำให้ปลูกได้ประมาณ 6,000 ต้นต่อไร่
จำนวนต้นสับปะรดโดยประมาณต่อไร่
จากระยะปลูกที่นิยมข้างต้น สามารถประมาณจำนวนต้นสับปะรดต่อไร่ได้ดังนี้
- แถวเดี่ยว: 8,000 ต้น/ไร่
- แถวคู่: 6,000 ต้น/ไร่
2. การเลือกหน่อพันธุ์
- ชนิดของหน่อพันธุ์: หน่อพันธุ์สับปะรดมี 3 ชนิด ได้แก่ หน่อข้าง หน่อแก้ว และหน่อจุก แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
- หน่อข้าง: เป็นหน่อที่เกิดจากลำต้นของสับปะรด มีขนาดเล็กกว่าหน่อชนิดอื่น แต่มีอัตราการรอดชีวิตสูง
- หน่อแก้ว: เป็นหน่อที่เกิดจากผลของสับปะรด มีขนาดใหญ่กว่าหน่อข้าง แต่มีอัตราการรอดชีวิตต่ำกว่า
- หน่อจุก: เป็นหน่อที่เกิดจากส่วนบนของผลสับปะรด มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่มีอัตราการรอดชีวิตต่ำที่สุด
- การเลือกหน่อพันธุ์: หน่อพันธุ์ที่ดีควรมีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ ไม่มีโรคและแมลง ควรเลือกหน่อพันธุ์ที่มีอายุ 2-3 เดือน
- การเตรียมหน่อพันธุ์: ตัดหน่อพันธุ์ให้มีขนาดความยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร เลาะใบล่างออกเล็กน้อย ทาปูนแดงที่รอยตัด เพื่อป้องกันเชื้อรา การทาปูนแดงจะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อราเข้าสู่รอยตัดของหน่อพันธุ์
3. การปลูก
- ระยะปลูก: กำหนดระยะปลูกให้เหมาะสมกับสายพันธุ์และวัตถุประสงค์ของการปลูก โดยทั่วไปจะใช้ระยะปลูกระหว่าง 50-75 เซนติเมตร หากปลูกเพื่อบริโภคผลสด อาจใช้ระยะปลูกที่กว้างกว่า หากปลูกเพื่อแปรรูป อาจใช้ระยะปลูกที่แคบกว่า
- วิธีการปลูก: ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าหน่อพันธุ์เล็กน้อย วางหน่อพันธุ์ลงในหลุม โดยให้ส่วนโคนของหน่อพันธุ์อยู่เสมอระดับดิน กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม การปลูกให้ส่วนโคนของหน่อพันธุ์อยู่เสมอระดับดินจะช่วยป้องกันไม่ให้หน่อพันธุ์เน่า
4. การดูแลรักษา
- การให้น้ำ: สับปะรดเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี แต่ในช่วงแรกของการปลูก ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอ เพื่อให้หน่อพันธุ์ตั้งตัวได้ เมื่อต้นสับปะรดโตขึ้น ควรรดน้ำเมื่อดินแห้ง การให้น้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้ต้นสับปะรดเจริญเติบโตได้ดี
- การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยเมื่อต้นสับปะรดอายุ 3-4 เดือน และ 6-8 เดือน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 การใส่ปุ๋ยจะช่วยให้ต้นสับปะรดได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต
- การกำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารและแสงแดดจากต้นสับปะรด การกำจัดวัชพืชจะช่วยลดการแข่งขันของต้นสับปะรดในการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำ
- การป้องกันโรคและแมลง: หมั่นสังเกตอาการของโรคและแมลง หากพบให้รีบกำจัด การป้องกันโรคและแมลงจะช่วยลดความเสียหายของผลผลิต
5. ปลูกสับปะรดกี่เดือนได้ผลผลิต ?
- อายุการเก็บเกี่ยว: สับปะรดจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 12-18 เดือน
- การสังเกตความสุก: สังเกตความสุกของผลสับปะรด โดยผลที่สุกจะมีสีเหลืองอมส้ม เปลือกผลนิ่มลงเล็กน้อย และมีกลิ่นหอม
- การเก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวผลสับปะรดโดยใช้มีดตัดขั้วผล การเก็บเกี่ยวผลสับปะรดที่สุกพอดีจะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
ผลผลิตที่ได้จากการปลูกสับปะรด มีอะไรบ้าง
1. ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
- สับปะรดกระป๋อง: การแปรรูปสับปะรดเป็นสับปะรดกระป๋องเป็นวิธีการถนอมอาหารที่ได้รับความนิยม ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาและสะดวกต่อการบริโภค
- น้ำสับปะรด: น้ำสับปะรดคั้นสดหรือแปรรูปเป็นน้ำสับปะรดพร้อมดื่ม เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- แยมและสับปะรดกวน: การทำแยมสับปะรดหรือสับปะรดกวนเป็นการแปรรูปที่ช่วยเพิ่มมูลค่าและยืดอายุการเก็บรักษา สามารถนำมาใช้เป็นไส้ขนมหรือทาขนมปังได้
- ขนมอบจากสับปะรด: สับปะรดสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในขนมอบหลากหลายชนิด เช่น คุกกี้ตัวหนอนไส้สับปะรด พายสับปะรด และขนมอื่น ๆ ที่เพิ่มรสชาติและความหอมหวาน
2. ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยสับปะรด
เส้นใยจากใบสับปะรดสามารถนำมาใช้ผลิตสิ่งทอและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์จากส่วนที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว
3. ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง
สับปะรดมีเอนไซม์บรอมีเลนที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ทำให้มีการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เช่น สบู่ โลชั่น และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น
สับปะรดไม่ได้มีต้นกำเนิดจากฮาวาย
หลายคนเข้าใจผิดว่าสับปะรดมาจากฮาวาย แต่จริงๆ แล้วสับปะรดมีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะบริเวณประเทศบราซิลและปารากวัย ก่อนที่จะถูกนำไปเผยแพร่และปลูกในฮาวายในช่วงศตวรรษที่ 18
ประโยชน์ของการ ปลูกสับปะรด
1. ประโยชน์ต่อสุขภาพ
สับปะรดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ และแคลเซียม วิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ สับปะรดยังมีเอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) ที่ช่วยในการย่อยอาหาร ลดการอักเสบ และส่งเสริมการฟื้นฟูของร่างกาย
2. ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ
การปลูกสับปะรดเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเกษตรกรหลายพื้นที่ ผลผลิตสับปะรดสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น สับปะรดกระป๋อง น้ำสับปะรด แยม และสับปะรดอบแห้ง ซึ่งเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เพิ่มเติม
3. ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
การปลูกสับปะรดสามารถช่วยป้องกันการกัดเซาะของดิน เนื่องจากระบบรากของสับปะรดช่วยยึดดินและลดการพังทลาย นอกจากนี้ การปลูกสับปะรดในระบบเกษตรอินทรีย์ยังช่วยลดการใช้สารเคมีในเกษตรกรรม ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค
4. การใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของสับปะรด
นอกจากผลสับปะรดที่รับประทานได้แล้ว ส่วนอื่น ๆ ของพืชยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น ใบสับปะรดสามารถนำมาใช้ทำเส้นใยสำหรับผลิตสิ่งทอ หรือใช้เป็นอาหารสัตว์
โดยสรุป การปลูกสับปะรดจึงเป็นการลงทุรที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม หากมีการจัดการที่ดี ตั้งแต่การเตรียมดิน การเลือกหน่อพันธุ์ ไปจนถึงการดูแลรักษาและการแปรรูปผลผลิต ก็จะช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของสับปะรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การแปรรูปและใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของพืชยังช่วยลดของเสียและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน