Last Updated on มกราคม 18, 2025 by admin
ไส้เดือนผลิตปุ๋ย หรือ Composting Worm มีอยู่หลายสายพันธุ์
แต่ที่เป็นที่นิยม แพร่หลาย ในประเทศไทย มีอยู่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่
1. แอฟริกันไนท์คลอเรอร์ หรือ Eudrilus Eugeniae
2. บลูเวิร์ม หรือ Perionyx Excavatus
3. ไทเกอร์ หรือ Eisenia Fetida
1. สายพันธุ์ แอฟกัน ไนท์คลอเลอร์ (African Night Crawler) หรือAF
เป็นตัวสีน้ำตาลแดงปนเทาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว มีความสามารถ ในการย่อยสลายขยะในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว เป็นไส้เดือนดินสายพันธุ์ในเขตร้อน ซึ่งจะชอบอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อน อาศัยอยู่บริเวณผิวดินกินเศษซากอินทรีย์วัตถุที่เน่าสลายเป็นอาหาร
ไส้เดือน AF ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย เป็นสิบปีแล้ว ได้รับความนิยมมากที่สุด คนเลี้ยงกันแพร่หลาย
จึงทำให้มีราคาถูกที่สุด ตัวใหญ่ ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากกว่าแค่ผลิตปุ๋ย
ไส้เดือน AF มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากไส้เดือนดินสายพันธุ์อื่นๆ ดังนี้:
- ขนาด: เป็นไส้เดือนขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มวัยอาจยาวได้ถึง 8-19 เซนติเมตร (3-7 นิ้ว) และมีขนาดลำตัว 5-7 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวประมาณ 2.5-3.5 กรัม จัดเป็นไส้เดือนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย
- สี: ลำตัวมีสีน้ำตาลแดงปนเทา หรือน้ำตาลอมม่วง
- รูปร่าง: ลำตัวเป็นทรงกระบอกยาว ด้านหัวและท้ายเรียวแหลม มีปล้องแบ่งลำตัวอย่างชัดเจน ผิวลำตัวมีน้ำเมือก ทำให้ผิวลำตัวชุ่มชื้น
- ไคลเทลลัม (Clitellum): เป็นส่วนที่โป่งออกบริเวณใกล้ส่วนหัว มีลักษณะเป็นแถบสีอ่อน ใช้ในการสืบพันธุ์
- การเคลื่อนที่: สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว โดยอาศัยเดือยและกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อยาวหดและคลายตัว
2. ไส้เดือนพันธุ์ ไทเกอร์ ( Tiger worms)
ถิ่นกำเนิดจากยุโรป เมืองหนาว
ไส้เดือนไทเกอร์มีตัวอ้วนสั้นน้ำหนักเมื่อโตเต็มวัยเฉลี่ย 0.5 กรัมยาว ประมาณ2-4นิ้ว ลำตัวมีสีแดงสลับสีเหลืองเป็น ลายเสือระยะเวลาโคคูนซัก 18 -26วัน ระยะเวลาลูกไส้เดือนเล็กเจริญเติบโตเป็นหนุ่มสาว 28 -30วัน สภาพอุณหภูมิที่เหมาะสม 250 C-300 c แต่ทนความหนาวได้ถึง 0 c และทนความร้อนได้ถึง 40 c
เป็นไส้เดือนที่มีกำหนดในสภาพอากาศหนาวของทวีปยุโรป แต่ได้รับความนิยมนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆทั่วโลก ข้อดีของไส้เดือนไทเกอร์คือเลี้ยงง่าย ทนสภาพอากาศร้อนหนาวได้สูงกินเก่งสามารถ ไส้เดือน ไทเกอร์ คือ ไส้เดือนที่ผลิตปุ๋ยที่มี ผู้เลี้ยงมากที่สุดในโลก แต่ในประเทศไทย กลับไม่ใช่แชมป์ อาจจะเพราะว่า ประเทศไทย ไม่มีช่วงที่อากาศหนาวจัด
ซึ่งจะเป็น ช่วงที่ ไส้เดือนไทเกอร์ outperform ไส้เดือนเขตร้อนอย่าง บลูเวิร์ม หรือ ไส้เดือน AF
- ขนาด: เป็นไส้เดือนขนาดเล็กถึงปานกลาง เมื่อโตเต็มวัยจะมีความยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร (2-4 นิ้ว) และมีขนาดลำตัว 4-8 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเมื่อโตเต็มวัยเฉลี่ย 0.5-0.8 กรัมไส้เดือนไทเกอร์ 1 กิโลกรัม จะมีไส้เดือนประมาณ 2,000 ตัว
- สี: ลำตัวมีสีแดงเข้มหรือแดงอมม่วง มีแถบสีเหลืองพาดขวางลำตัวเป็นปล้องๆ คล้ายลายเสือ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ไส้เดือนไทเกอร์” ปลายหางมีสีเหลือง
- รูปร่าง: ลำตัวมีลักษณะอ้วนสั้น แบนเล็กน้อย มีปล้องแบ่งลำตัวอย่างชัดเจน
- ไคลเทลลัม (Clitellum): เป็นส่วนที่โป่งออกบริเวณใกล้ส่วนหัว มีลักษณะเป็นแถบสีอ่อน ใช้ในการสืบพันธุ์
- ไข่: ไข่ของไส้เดือนไทเกอร์มีสีเหลือง
3. สายพันธุ์บลูเวิร์ม ( Blue worm)
ไส้เดือน สายพันธุ์ เอเซีย บ้านเรานี่เอง
เป็นไส้เดือนสีน้ำเงินมีลักษณะตัวผอมยาวนี่สีม่วงเข้มบางส่วนมองเห็นเป็นประกายสีน้ำเงิน มีความสามารถในการกำจัดขยะอินทรีย์ ผลิตปุ๋ยหมัก และนำไปผลิตเป็นวัตถุดิบ ในอาหารสัตว์น้ำ เพราะเป็นไส้เดือนที่เลี้ยงง่ายไส้เดือนมีสีน้ำเงินมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกโมกเมื่อจับเอาตัวเอามาไว้ในมือ จะขับกลิ่นดอกโมกออกมาจากตัวตามสัญชาตญาณ
( ไส้เดือน บลูเวิร์ม ตอนยังไม่โตเต็มวัย จะดูคล้าย กับ ไทเกอร์มาก )
- สี: มีสีแดงเหลือบม่วงน้ำเงิน หรือสีม่วงเข้ม บางส่วนมองเห็นเป็นประกายสีน้ำเงิน จึงเป็นที่มาของชื่อ “บลูเวิร์ม” หรือ “ไส้เดือนสีน้ำเงิน”
- รูปร่าง: ลำตัวผอมเรียว (
- กลิ่น: มีเอกลักษณ์พิเศษคือ น้ำเมือกกลางลำตัว (Coelomic fluid) มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกโมก ซึ่งแตกต่างจากไส้เดือนสายพันธุ์อื่น
- ไคลเทลลัม (Clitellum): เป็นส่วนที่โป่งออกบริเวณใกล้ส่วนหัว มีลักษณะเป็นแถบสีอ่อน ใช้ในการสืบพันธุ์
สั่งซื้อ พันธุ์ไส้เดือนสำหรับผลิตปุ๋ยได้ที่นี่เลย
หากไม่สะดวกทำรายการสั่งซื้อผ่านทางระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @luckyworm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ