ธันวาคม 5, 2025

Blog

หนอนปลอก ภัยเงียบในนาข้าว-สวนปาล์ม! ระบาดทีเดียวเสียหายเป็นแสน

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

Last Updated on กรกฎาคม 7, 2025 by admin

“หนอนปลอก” ชื่อที่เกษตรกรไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แมลงศัตรูพืชชนิดนี้แม้ตัวจะมีขนาดเล็ก แต่สร้างความเสียหายให้กับพืชเศรษฐกิจสำคัญอย่างข้าวและปาล์มน้ำมันได้อย่างมหาศาล การระบาดของหนอนปลอกไม่เพียงทำให้ผลผลิตลดลง แต่ยังส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชในระยะยาว บทความนี้จะเจาะลึกถึงวงจรชีวิต ลักษณะการทำลาย และแนวทางการจัดการหนอนปลอกแต่ละชนิดอย่างละเอียด เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

ทำความรู้จัก “หนอนปลอก” แต่ละชนิด

คำว่า “หนอนปลอก” ในประเทศไทยนั้นหมายถึงหนอนผีเสื้อกลางคืนหลายชนิดที่สร้างปลอกหุ้มตัวเองเพื่อป้องกันอันตราย แต่ชนิดที่สร้างปัญหาหลักในภาคการเกษตรมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่:

  1. หนอนปลอกข้าว (Rice Caseworm): พบในนาข้าวเป็นหลัก
  2. หนอนปลอกปาล์มน้ำมัน (Oil Palm Bagworm): พบในสวนปาล์มน้ำมันและพืชตระกูลปาล์มอื่นๆ

ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะและวงจรชีวิตที่แตกต่างกัน จำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อการป้องกันกำจัดที่ถูกต้อง

1. หนอนปลอกข้าว (Rice Caseworm)

ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphula depunctalis

หนอนปลอกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หนอนขยอก” เป็นศัตรูข้าวที่สำคัญในระยะต้นกล้า โดยเฉพาะในแปลงนาที่มีน้ำขังตลอดเวลา

ลักษณะทางสัณฐานวิทยา

  • ตัวเต็มวัย: เป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ปีกมีสีขาวนวลและมีจุดหรือแถบสีน้ำตาลอ่อนพาดตามขอบปีก มักหลบซ่อนตัวตามใบข้าวในเวลากลางวันและออกมาเล่นไฟในเวลากลางคืน
  • ไข่: ตัวเมียวางไข่เป็นกลุ่มๆ หรือเป็นแถวเรียงซ้อนกันบนผิวใบข้าวหรือกาบใบเหนือระดับน้ำ
  • ตัวหนอน: เมื่อฟักออกจากไข่ใหม่ๆ จะมีสีครีม หัวสีเหลืองอ่อน เมื่อโตเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนใส มีความพิเศษคือจะอาศัยอยู่ในปลอกที่สร้างจากใบข้าวที่ตัดมาห่อหุ้มลำตัว
  • ดักแด้: หนอนจะเข้าดักแด้ภายในปลอกเดิมที่อาศัยอยู่

วงจรชีวิต

วงจรชีวิตของหนอนปลอกข้าวค่อนข้างสั้น ทำให้สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว

  • ระยะไข่: ประมาณ 3-4 วัน
  • ระยะหนอน: ประมาณ 20-25 วัน เป็นระยะที่สร้างความเสียหายมากที่สุด
  • ระยะดักแด้: ประมาณ 4-7 วัน
  • ระยะตัวเต็มวัย: ประมาณ 5-10 วัน

ลักษณะการเข้าทำลาย

หนอนปลอกข้าวจะเริ่มทำลายข้าวทันทีหลังฟักออกจากไข่ โดยจะกัดกินผิวใบข้าว (Epidermis) ทำให้เกิดเป็นรอยสีขาวเป็นทางยาวคล้ายรอยขีดข่วน จากนั้นจะตัดใบข้าวเป็นท่อนๆ เพื่อนำมาสร้างเป็นปลอกหุ้มลำตัว ตัวหนอนจะอาศัยอยู่ในปลอกและเคลื่อนที่ไปกัดกินใบข้าวต้นอื่นโดยการลอยไปตามน้ำในแปลงนา หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบข้าวถูกทำลายเป็นจำนวนมาก สังเกตเห็นต้นข้าวมีอาการใบขาวโพลนเป็นหย่อมๆ การสังเคราะห์แสงลดลง ส่งผลให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโตและอาจแห้งตายได้ในที่สุด

พืชเป้าหมาย

  • ข้าว (โดยเฉพาะในระยะกล้าถึงระยะแตกกอ)
  • วัชพืชในนาข้าว เช่น หญ้าข้าวนก หญ้าไซ

วิธีป้องกันกำจัด

วิธีเขตกรรม (Cultural Control):

  1. การจัดการน้ำ: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการระบายน้ำออกจากแปลงนา แล้วปล่อยให้ดินแห้งประมาณ 7-10 วัน เพื่อตัดวงจรชีวิตของหนอนที่อาศัยน้ำในการเคลื่อนที่และแพร่กระจาย วิธีนี้จะทำให้หนอนตายและไม่สามารถไปทำลายต้นอื่นได้
  2. กำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบแปลงนา เพื่อทำลายพืชอาศัยและแหล่งหลบซ่อนของผีเสื้อ

วิธีชีวภาพ (Biological Control):

สารเคมีที่นิยมใช้กำจัด:

การใช้สารเคมีควรทำเมื่อสำรวจพบใบข้าวถูกทำลายมากกว่า 15% สารเคมีที่แนะนำตามข้อมูลของกรมการข้าวและกรมวิชาการเกษตร ได้แก่:

  • ฟิโพรนิล (Fipronil)
  • เบนซัลแทป (Bensultap)
  • คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos)
  • คาร์โบซัลแฟน (Carbosulfan)

2. หนอนปลอกปาล์มน้ำมัน (Oil Palm Bagworm)

หนอนปลอกในสวนปาล์มน้ำมันมีหลายชนิด ที่สำคัญและพบการระบาดบ่อยในประเทศไทยคือ หนอนปลอกเล็ก (Cremastopsyche pendula หรือ Pteroma pendula) และ หนอนปลอกใหญ่ (Mahasena corbetti)

ลักษณะทางสัณฐานวิทยา

  • ตัวเต็มวัย: มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างเพศผู้และเพศเมีย
    • เพศผู้: เป็นผีเสื้อกลางคืน มีปีก บินได้
    • เพศเมีย: ไม่มีปีก ลักษณะคล้ายหนอน ยังคงอาศัยอยู่ในปลอกตลอดชีวิต และรอให้ตัวผู้บินมาผสมพันธุ์
  • ไข่: เพศเมียวางไข่ภายในปลอกของตัวเอง
  • ตัวหนอน: ลักษณะคล้ายหนอนทั่วไป แต่จะสร้างปลอกหุ้มตัวตั้งแต่ฟักออกจากไข่ โดยใช้วัสดุจากพืชที่อาศัยอยู่ เช่น เศษใบไม้ มาถักทอรวมกับใยที่มันสร้างขึ้น ลักษณะของปลอกจะแตกต่างกันไปตามชนิดของหนอน
  • ดักแด้: จะเข้าดักแด้อยู่ภายในปลอก

วงจรชีวิต

วงจรชีวิตของหนอนปลอกปาล์มน้ำมันยาวนานกว่าหนอนปลอกข้าว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและสภาพแวดล้อม

ลักษณะการเข้าทำลาย

ตัวหนอนจะโผล่หัวออกมาจากปลอกเพื่อกัดกินผิวใบของทางใบปาล์มน้ำมัน โดยจะขูดกินผิวใบด้านล่าง ทำให้ทางใบส่วนนั้นแห้งเป็นสีน้ำตาลหรือสีเทาเงิน เมื่อมองจากไกลๆ จะเห็นทรงพุ่มของปาล์มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลคล้ายใบไหม้ หากการระบาดรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสังเคราะห์แสง ทำให้ต้นปาล์มชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงอย่างน้อย 30-40% และอาจใช้เวลานานถึง 2 ปีกว่าต้นจะฟื้นตัวกลับมาให้ผลผลิตปกติ

พืชเป้าหมาย

  • ปาล์มน้ำมัน (พืชเป้าหมายหลัก)
  • มะพร้าว
  • ปาล์มประดับชนิดต่างๆ

วิธีป้องกันกำจัด

การสำรวจและเฝ้าระวัง:

  • หมั่นสำรวจสวนปาล์มอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่ยาวนานซึ่งเอื้อต่อการระบาด
  • สังเกตร่องรอยการทำลายบนทางใบ หากพบการระบาดในระยะเริ่มต้นให้รีบจัดการทันที

วิธีกล (Mechanical Control):

  • หากพบการระบาดไม่รุนแรง หรือระบาดในปาล์มต้นเล็ก ให้ตัดทางใบที่พบหนอนไปเผาทำลาย เพื่อลดการสะสมของประชากรและตัดวงจรการระบาด

วิธีชีวภาพ (Biological Control):

  • ส่งเสริมและอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ เช่น แตนเบียนชนิดต่างๆ
  • ใช้เชื้อแบคทีเรีย บีที (BT) ฉีดพ่นในช่วงที่หนอนยังมีขนาดเล็กและสภาพอากาศเหมาะสม (เย็นและชื้น)

สารเคมีที่นิยมใช้กำจัด:

การใช้สารเคมีแนะนำเมื่อพบการระบาดรุนแรงและจำเป็นต้องควบคุมอย่างเร่งด่วน สารเคมีที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำสำหรับกำจัดหนอนปลอกปาล์มน้ำมัน ได้แก่:

  • ฟลูเบนไดอะไมด์ (Flubendiamide)
  • คลอแรนทรานิลิโพรล (Chlorantraniliprole)
  • ลูเฟนนูรอน (Lufenuron)
  • สปินโนแสด (Spinosad)

เทคนิคการพ่น: ควรพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณใต้ทางใบ และอาจต้องพ่นซ้ำ 1-2 ครั้งห่างกันประมาณ 15 วันเพื่อกำจัดหนอนที่อาจฟักออกมาใหม่ สำหรับปาล์มต้นสูงที่ไม่สามารถพ่นสารได้ทั่วถึง อาจใช้วิธีเจาะลำต้นแล้วใส่สารเคมีแทน แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญและใช้สารที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

กำลังมองหา สารกำจัดแมลงรึเปล่าคะ? สั่งซื้อได้ที่นี่เลย
ที่ร้าน lucky worm เรามีทั้ง ชีวภัณฑ์ ออแกนิค ที่ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช และสารเคมีที่ใช้กำจัดแมลง
เรามีใบอนุญาติขาย เคมีเกษตร ถูกต้องตามกฎหมาย ออกโดย กรมวิชาการเกษตร

หากไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ผ่านระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @260afyhm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!