Last Updated on มกราคม 18, 2025 by admin
เกษตรอินทรีย์คืออะไร ?

ประเทศไทย เป็นประเทศที่ภาคเกษตรกรรมมีความสำคัญมาก เนื่องจากภูมิประเทศมีความอุดมสมบูรณ์ เอื้อต่อการทำการเกษตรกรรม และประชากรส่วนใหญ่ของประเทศก็ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก แต่กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นยุคของการทำเกษตรแบบอุตสาหกรรม ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ ทิ้งวิถีชีวิตการทำเกษตรแบบดั้งเดิมที่อนุรักษ์ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ หันมาทำการเกษตรที่ต้องพึ่งพาสารเคมี ทั้งปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืชเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต สารเคมีเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการทำลายหน้าดินทำให้ดินเสื่อมสภาพ คุณภาพดินลดลงเรื่อยๆ หากต้องการปริมาณผลผลิตเท่าเดิม ต้องใช่สารเคมีในปริมาณที่มากขึ้น ส่งผลให้ดินเสียหายหนักขึ้นและเร็วขึ้น
เกษตรอินทรีย์ (organic) คืออะไร??
เกษตรอินทรีย์ เป็นการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมี สังเคราะห์ทุกชนิด ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่มีฮอร์โมน ไม่ใช้ยาสัตว์ ทั้งนี้ทุกอย่างที่ทำต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รักษาสมดุลของระบบนิเวศ แล้วรักษาความหลากหลายของชีวภาพ
ทำการเกษตรแบบไหนถึงเรียกว่าเกษตรอินทรีย์??
1 ไม่ใช่สารเคมี สังเคราะห์ ทุกชนิด ในทุกขั้นตอนการผลิต
- ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า หรือฮอร์โมน
- ไม่ใช้ยาปฎิชีวนะ หรือยาสัตว์ หรือสัตว์เมื่อเจ็บป่วย
- ไม่ใช่ยารม ขณะเก็บรักษาข้าว เป็นต้น 2 ต้องมีการเว้นช่วงเวลาที่เรียกว่า “ระยะปรับเปลี่ยน”
-เพื่อเปลี่ยนจากการผลิตแบบทั้วไป ไปเป็น “เกษตรอินทรีย์ “ ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกัน ตามชนิดพืช หรือชนิดสัตว์
2. ต้องสร้างสิ่งกีดขวาง
-เข่น ทำคันดินกั้น ขุดคูน้ำ หรือปลูกพืช เป็นแถวเป็นแนว เพื่อเป็นดันชนป้องกัน สารเคมี หรือมลพิษ ที่มาทาง น้ำ เเละอากาศ จากแปลงข้างเคียง หรือแหล่งมลพิษ เช่น กองขยะ หรือโรงงาน อุตสหกรรม ปนเปื้อนเข้ามาในพื้นที่
3.เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ หรือพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์
-ที่มาจากการผลิตแบบอินทรีย์
4. การขยายพันธุ์พืชและสัตว์
-ก็ต้องทำด้วยวิถีธรรมชาติ ไม่บังคับ หรือผสมเทียม
5. การป้องกัน หรือกำจัดศัตรูพืชหรือสัตว์ ต้องใช้วิธีธรรมชาติ
-เช่นกานถากหญ้า การใช้เศษพืชคลุมดิน การใช้น้ำหมัก ใช้พืชที่มีกลิ่นไม่ฉุน
รวมทั้ง การทำเกษตรอินทรีย์จะต้องเอื้อต่อการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ อย่างจริงจัง การปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์นั้น ในแต่ละมาตรฐานอาจกำหนดระยะเวลาแตกต่างกันออกไป ช่วงระยะปรับเปลี่ยนนี้อาจใช้เวลาตั้งแต่ 12 – 36 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละมาตรฐาน ในการทำเกษตรแบบอินทรีย์ นอกจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสร้างสมดุลของทรัพยากรในระบบนิเวศ สร้างความหลากหลายของชนิดทรัพยากรไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในดิน น้ำ และพืช ในด้านสุขภาพก็ทำให้สุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงของสารเคมีที่อาจปนเปื้อนมากับพืชและสัตว์ และที่สำคัญเกษตรอินทรีย์ ช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ที่สูงขึ้นเนื่องจากผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก แม้จะมีราคาที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วไปก็ตามและในปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐยังได้ร่วมกันผลักดันด้านการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทำไมต้องทำเกษตรอินทรีย์? ทำไมไม่ทำ เกษตรแบบดั้งเดิม ?
1. ลดการใช้ สารเคมี และยาฆ่าแมลง สุขภาพดีขึ้น ทั้งผู้ผลิต ( เกษตรกร) และ ผู้บริโภค
ลดการปนเปื้อนของสารเคมี ที่เป็นอันตราย ในสิ่งแลดล้อน เช่นดิน น้ำ
2. เกษตรอินทรีย์ ไม่ทำลาย ดินในระยะยาว ดินที่ดี เพาะปลูกอะไรก็งอกงาม แต่ถ้า ใช้แต่สารเคมี
ดินย่อมแห้งเสีย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การทำเกษตรอินทรีย์ จะช่วยส่งเสริมให้ ดินมีจุลินทรีย์ที่ดี
เหมาะสมกับการเพาะปลูก
3. ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน
ดินที่ ผ่านการเพาะปลูก ด้วยสารเคมีมาอย่างยาวนาน จะมีโอกาศที่หน้าดินจะพังทลายมากกว่า ดินที่ปลูกแบบไร้สารเคมี การเกษตรอินทรีย์จึงเป็นทางออกของการรักษาทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน
4. ช่วย ลดโลกร้อน
เกษตรแบบไร้สารเคมี จะช่วยกักเก็บ คาร์บอนในดิน และช่วย ลดคาร์บอน์ไดออกไซด์ในอากาศ ได้มากกว่า เกษตรแบบดั้งเดิมที่ใช้สารเคมีหลายเท่า
5.ช่วยรักษา น้ำ แหล่ง น้ำ
น้ำ เป็นทรัพยากรที่มีค่า ไม่เพียงแต่เฉพาะ กับการเกษตรเท่านั้น น้ำยังเป็นสิ่งจำเป็น ในชีวิตประจำวันสำหรับ ทุกคนในประเทศไทย
6. ช่วยลด ปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่ง หรือ Agal Bloom อันเป็นสาเหตุมาจาก ปุ๋ยเคมี ปนเปื้อนลงไปในแหล่งน้ำ แล้วทำให้ พืชทะเล เติบโตผิดปกติ
7. ช่วยรักษาชีวิต ของสัตว์ ที่อยู่ตามธรรมชาติ
8.ช่วยส่งเริม “ความหลากหลายทางชีวภาพ” ในพื้นที่เพาะปลูก
ความท้าทายของเกษตรอินทรีย์
1 ต้นทุนการผลิตสูง: การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์มีต้นทุนสูงกว่าการผลิตแบบทั่วไป เนื่องจากต้องใช้แรงงานและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
2.ผลผลิตอาจไม่สม่ำเสมอ: ผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์อาจมีปริมาณและคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมีในการควบคุม
3.ตลาดยังมีจำกัด: ตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรียังมีจำกัดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป
4. การขาดแคลนแรงงาน: การทำเกษตรอินทรีย์ต้องการแรงงานที่มีความรู้และทักษะเฉพาะทาง
แนวโน้มของเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต
ความตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลและองค์กรต่างๆ ให้การสนับสนุนเกษตรกรที่หันมาทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น โดยมีการจัดตั้งมาตรฐานและระบบรับรองผลิตภัณฑ์อินทรีย์ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
เกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะมีความท้าทายในการผลิต แต่ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เกษตรอินทรีย์จะสามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
อ่านบทความดีๆกันแล้ว อย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน
เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารดีและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน นะคะ