Last Updated on กันยายน 16, 2025 by admin
บวบหอม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa aegyptiaca หรือ Luffa cylindrica) คือพืชไม้เลื้อยในวงศ์แตง (Cucurbitaceae) ที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เรานิยมนำผลอ่อนของมันมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู ด้วยรสชาติหวานอร่อยและเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล แต่ความมหัศจรรย์ของบวบหอมไม่ได้หยุดอยู่แค่ในครัว เพราะเมื่อผลของมันแก่จัดจนแห้งสนิท โครงข่ายเส้นใยที่อยู่ภายในจะกลายสภาพเป็น “ใยบวบ” หรือ “ฟองน้ำธรรมชาติ” (Luffa Sponge) ที่นิยมใช้ขัดผิวและทำความสะอาดได้อย่างยอดเยี่ยม บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของพืชสารพัดประโยชน์ชนิดนี้
ทำความรู้จักบวบหอม
เพื่อให้เข้าใจพืชชนิดนี้มากขึ้น เรามาดูรายละเอียดทางพฤกษศาสตร์และต้นกำเนิดของมันกันค่ะ
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
- ลำต้น: เป็นไม้เลื้อย มีลักษณะเป็นเถาเหลี่ยม มีมือเกาะสำหรับยึดเกี่ยวไปตามค้างหรือต้นไม้อื่น
- ใบ: เป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ขอบใบหยักเว้าเป็น 5-7 แฉก มีขนเล็กน้อยบนผิวใบ
- ดอก: มีสีเหลืองสดใส โดยดอกเพศผู้และเพศเมียจะแยกกันอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกจะบานในช่วงเย็นถึงเช้า
- ผล: ผลอ่อนมีรูปทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ สีเขียวอ่อน มีลายสีเขียวเข้มจางๆ เนื้อภายในนุ่มและฉ่ำน้ำ ส่วนผลแก่จะมีเปลือกแข็งและภายในเป็นเส้นใยเหนียว
- ถิ่นกำเนิดและการแพร่กระจาย: บวบหอมมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย สันนิษฐานว่ามาจากประเทศอินเดีย ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลก โดยเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย
- บวบหอม vs. บวบเหลี่ยม: หลายคนอาจสับสนระหว่างบวบ 2 ชนิดนี้ ข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือลักษณะของเปลือก บวบหอม จะมีผิวเรียบทรงกระบอก ในขณะที่ บวบเหลี่ยม (Luffa acutangula) จะมีเปลือกเป็นสันเหลี่ยมคมตลอดความยาวของผล
คุณค่าทางโภชนาการของ บวบหอม
บวบหอมเป็นผักที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้มีแคลอรีต่ำ แต่ก็อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการของบวบหอม (ผลอ่อน) ต่อ 100 กรัม (โดยประมาณ)
| สารอาหาร | ปริมาณ |
| พลังงาน | ~20 kcal |
| คาร์โบไฮเดรต | ~4.4 g |
| ใยอาหาร | ~0.5 g |
| วิตามินเอ | ~410 IU |
| วิตามินซี | ~10 mg |
| โพแทสเซียม | ~139 mg |
| ธาตุเหล็ก | ~0.36 mg |
| แมกนีเซียม | ~14 mg |
สรรพคุณและประโยชน์ต่อสุขภาพ ของบวบหอม🩺
- ช่วยดับร้อน แก้กระหาย: ด้วยองค์ประกอบที่เป็นน้ำสูงถึง 90% บวบหอมจึงมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่น
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในบวบหอมช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย
- บำรุงสายตา: วิตามินเอและเบต้าแคโรทีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการมองเห็นและบำรุงสุขภาพดวงตา
- ดีต่อระบบขับถ่าย: แม้จะมีใยอาหารไม่สูงมาก แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้การขับถ่ายสะดวกขึ้น
- เป็นยาขับปัสสาวะ: ในตำรับยาแผนโบราณเชื่อว่าบวบหอมช่วยขับปัสสาวะและอาจช่วยลดอาการบวมน้ำได้
จากสวนครัวสู่จานอร่อย: การใช้บวบหอมในอาหาร 🍳
- เมนูแนะนำ:
- แกงเลียง: เมนูแกงผักรวมที่ขาดบวบหอมไม่ได้ ให้รสหวานกลมกล่อมและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
- ผัดบวบใส่ไข่: เมนูง่ายๆ ที่อร่อยลงตัว ความนุ่มของบวบเข้ากันได้ดีกับไข่และเนื้อสัตว์ เช่น กุ้งสด
- บวบต้มจิ้มน้ำพริก: การนำบวบไปต้มหรือนึ่งจนสุก แล้วรับประทานคู่กับน้ำพริกต่างๆ เป็นวิธีที่ได้ลิ้มรสความหวานของบวบอย่างเต็มที่
- เคล็ดลับการเลือกและการเตรียม:
- เลือกผลอ่อนที่มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป ผิวเต่งตึง ไม่มีรอยช้ำ
- ไม่จำเป็นต้องปอกเปลือกหนา เพียงแค่ใช้มีดขูดผิวเบาๆ ก็เพียงพอ เพราะสารอาหารบางส่วนอยู่ที่เปลือก
- บวบจะคายน้ำออกมามากเมื่อโดนความร้อน จึงไม่ควรผัดหรือแกงนานเกินไป
มากกว่าอาหาร: มหัศจรรย์ “ใยบวบ” ขัดผิว 🛀
นี่คือคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้บวบหอมแตกต่างจากผักอื่น เมื่อผลบวบแก่จัด เส้นใยภายในจะเหนียวและแข็งแรง เหมาะสำหรับนำมาใช้ประโยชน์หลากหลาย
- วิธีทำใยบวบขัดผิว:
- ปล่อยให้แก่คาต้น: ปล่อยผลบวบไว้บนเถาจนเปลือกเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล และรู้สึกว่าผลมีน้ำหนักเบาลง
- แช่น้ำและลอกเปลือก: นำผลบวบแก่มาแช่น้ำประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้เปลือกนิ่มลง แล้วจึงลอกเปลือกแข็งด้านนอกออก
- ล้างเมล็ดออก: เมื่อลอกเปลือกหมดจะเห็นโครงข่ายเส้นใย ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด เขย่าและบีบเบาๆ เพื่อให้เมล็ดและยางออกจนหมด
- ตากแดดให้แห้ง: นำใยบวบที่สะอาดแล้วไปตากแดดจัดๆ จนแห้งสนิทเพื่อป้องกันเชื้อรา
- ประโยชน์ของใยบวบ:
- ขัดผิวกาย: ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใส
- ล้างภาชนะ: สามารถใช้แทนฟองน้ำสังเคราะห์สำหรับล้างจานได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คู่มือการปลูกบวบหอมไว้ทานเองที่บ้าน 🌱
- การเตรียมดิน: ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี และมีอินทรียวัตถุสูง ควรผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักก่อนปลูก
- การเพาะเมล็ด: นำเมล็ดแช่น้ำ 1 คืนก่อนนำไปหยอดในหลุมปลูก หลุมละ 3-4 เมล็ด แล้วกลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
- การทำค้าง: เนื่องจากเป็นไม้เลื้อย บวบหอมจึงต้องการค้างที่แข็งแรงเพื่อให้เถาเลื้อยขึ้นไปรับแสงแดด ควรทำค้างให้สูงอย่างน้อย 1.5 – 2 เมตร
- การดูแล: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอเช้า-เย็น และใส่ปุ๋ยเมื่อต้นเริ่มโตและติดผล
- การเก็บเกี่ยว: สำหรับรับประทาน ควรเก็บผลอ่อนเมื่อมีอายุประมาณ 7-10 วันหลังดอกบาน สำหรับทำใยบวบ ให้ปล่อยทิ้งไว้จนแก่คาต้น
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน










