Last Updated on พฤศจิกายน 10, 2025 by admin
สรุปย่อ: รู้จัก ผักปลาบใน 1 นาที
- ตัวเอกของเรา: ผักปลาบที่เป็นวัชพืชในนา มักหมายถึงกลุ่ม ผักปลาบใบแคบ หรือ ผักปราบนา อยู่ในวงศ์ผักปลาบ (Commelinaceae)
- นิสัย: เป็น วัชพืชล้มลุกทอดเลื้อย ชอบที่ชื้น ๆ ทนแฉะได้ดี เช่น นาข้าว ร่องผัก ร่องสวน และริมทางน้ำ
- ขยายพันธุ์เก่งมาก: ขยายทั้ง เมล็ด และ ลำต้นที่หัก/ข้อแตะดินแล้วออกราก พืช 1 ต้นสามารถให้เมล็ดได้มาก และกิ่งที่ตัดทิ้งก็สามารถงอกใหม่ได้ง่าย
- สถานะวัชพืช: ถูกจัดเป็นวัชพืชสำคัญในพืชไร่/สวนหลายชนิด และเป็นวัชพืชประจำในนาข้าวเขตร้อน เพราะทนเปียกชื้นและน้ำท่วมระยะสั้นได้ดี
- ผลกระทบ: ถ้าปล่อยให้แข่งกับพืชเศรษฐกิจตลอดฤดู พบว่าทำให้ผลผลิตลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น ในข้าว/ถั่วบางการทดลองรายงานการลดลงของผลผลิตเมล็ดเมื่อมีการแข่งกันตลอดฤดู
ชื่อเรียกและอนุกรมวิธาน
ชื่อวิทยาศาสตร์หลัก (ที่มักเกี่ยวข้องในฐานะวัชพืช):
- Commelina diffusa Burm.f.
ชื่อสามัญต่างประเทศ (แล้วแต่ประเทศ):
- Spreading dayflower
- Climbing dayflower
- Wandering Jew
- Watergrass ฯลฯ
ชื่อเรียกในไทย (หลากหลายมาก):
- ผักปลาบ (ภาคกลาง)
- ผักปลาบใบแคบ, ผักปราบนา
- ผักปลายขอบใบเรียว (เชียงใหม่)
- หญ้ากาบผี, กินกุ้งน้อย ฯลฯ
ส่วนใหญ่ชื่อท้องถิ่นเหล่านี้ในไทยจะอ้างถึงกลุ่ม Commelina diffusa เป็นหลัก ซึ่งถือเป็น “ตัวหลัก” ที่เราพูดถึงในฐานะวัชพืชในการเพาะปลูก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ ผักปลาบ
อิงจากฐานข้อมูลพรรณพืชไทยและเอกสารด้านพฤกษศาสตร์/วัชพืช
ลำต้น
- เป็น พืชล้มลุกทอดเลื้อย สูงไม่มาก แต่ลำต้นสามารถทอดยาว 40–100 ซม.
- ลำต้นกลม สีเขียว มักแตกกิ่งก้านมาก
- มีรากออกตามข้อ (nodes) เมื่อข้อแตะดิน ทำให้แตกกอหนาแน่นและฟื้นตัวเก่งมาก
ใบ
- ใบเดี่ยว เรียงเวียนหรือเรียงเกือบเป็นสองแถว
- รูปหอกแคบถึงรูปขอบขนาน กว้างประมาณ 1–2 ซม. ยาว 4–7.5 ซม. (แล้วแต่แหล่ง)
- โคนก้านใบแผ่เป็น “กาบหุ้มลำต้น” ขอบกาบด้านบนมักมีขน
- ใบมักเกือบไม่มีคอใบ (subsessesile) ทำให้ดูเหมือนใบออกจากลำต้นเลย
ดอก
- ดอกสีฟ้าหรือน้ำเงินฟ้า ออกเป็นช่อจากซอกใบ
- มีใบประดับรูปเรือโอบช่อดอก
- ดอกย่อยเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางราว 1 ซม.
- กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 3 กลีบ โดยกลีบบนสองกลีบมักใหญ่กว่ากลีบล่าง ให้สีเด่น
- เกสรเพศผู้ 6 อัน แต่มี 3 อันที่เป็นหมัน (ไม่สร้างละอองเกสร) ซึ่งเป็นลักษณะจำแนกกลุ่มนี้
รากและเมล็ด
- รากเส้นใย (fibrous root) แตกจากข้อและโคนต้น
- เมล็ดอยู่ในผลแห้งแบบแคปซูลเล็ก ๆ แบ่งเป็น 3 ห้อง
- มีรายงานว่า พืช 1 ต้นสามารถ ให้เมล็ดได้หลายร้อยถึงพันกว่าเมล็ด และเมล็ดสามารถสะสมในดินเป็น “เมล็ดพัก” ได้นานพอสมควร
การแพร่กระจายและนิเวศวิทยาของ ผักปลาบ
การกระจายตัวในโลก
โดยภาพรวม Commelina diffusa เป็นวัชพืชแบบ pantropical คือพบได้แทบทุกเขตร้อนของโลก และแผ่ขึ้นไปถึงเขตกึ่งร้อน/กึ่งหนาวบางส่วน
พบทั่วไปใน:
- ทวีปเอเชียเขตร้อน (รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
- อเมริกาเขตร้อนและกึ่งร้อน
- แอฟริกาเขตร้อน
- หมู่เกาะแปซิฟิก และบางส่วนในออสเตรเลีย
แหล่งอาศัย
- พื้นที่เพาะปลูก เช่น นาข้าว พืชไร่ พืชสวน
- ร่องสวน ริมคูคลอง ริมทางน้ำ
- ริมถนน ที่รกร้าง ชายคันนา ทุ่งหญ้าชื้น
- ชอบที่ ชื้น แฉะ อับน้ำ แต่ก็พบได้ในที่เปิดโล่งที่ดินดีและชุ่มน้ำ
ในเขตร้อน เปรียบได้ว่า “ตรงไหนมีน้ำ ตรงนั้นมีโอกาสเจอผักปลาบ”
รูปแบบชีวิต
- ในเขตอบอุ่นมักอยู่ในรูป พืชฤดูเดียว (annual)
- ในเขตร้อน–กึ่งร้อน สามารถอยู่ในรูป กึ่งหลายปี (short-lived perennial) คือถ้าไม่มีอะไรรบกวน ก็แตกกออยู่ได้นานและสร้างเมล็ดใหม่ต่อเนื่อง
วิธีขยายพันธุ์
- เมล็ด
- สร้างเมล็ดจำนวนมากต่อปี เป็นแหล่งสะสมในดิน
- ลำต้นที่แตกเป็นท่อน
- กิ่งหรือท่อนลำต้นที่มีข้อ เมื่อหล่นหรือถูกไถ/ถากแล้วทิ้งบนดิน สามารถแตกยอดและออกรากจากข้อใหม่ได้ง่าย
แปลว่าถ้าถอน/ถางแล้ว “ทิ้งกลาด” โดยไม่เก็บออกจากแปลง เราแทบจะช่วยมันขยายพันธุ์เองเลย
ผลกระทบต่อการเพาะปลูกของ ผักปลาบ
แข่งแย่งทรัพยากร
เหมือนวัชพืชส่วนใหญ่ ผักปลาบจะแย่ง:
- แสง – โดยเฉพาะเมื่อทอดเลื้อยปกคลุมผิวดินและโคนต้นพืชหลัก
- น้ำ – ดินชื้นที่เหมาะกับพืชเศรษฐกิจก็มักเหมาะกับผักปลาบเช่นกัน
- ธาตุอาหาร – ระบบรากเส้นใยกระจายทั่วผิวดิน ทำให้แข่งดูดปุ๋ยที่ใส่ให้พืชหลักไปโดยตรง
ผลต่อผลผลิต
งานวิจัยด้านการแข่งขันในระบบเกษตรต่าง ๆ ให้ภาพใกล้เคียงกันคือ:
- ในข้าวนาสวนน้ำลึก ถ้าปล่อยให้ผักปลาบแข่งขันกับข้าวตลอดฤดู ที่ความหนาแน่นระดับหลายสิบต้นต่อตารางเมตร สามารถทำให้ผลผลิตข้าวลดลงประมาณเกือบ ๆ 20% เมื่อเทียบกับแปลงไม่มีวัชพืช
- ในถั่วกินเมล็ด การปล่อยให้ผักปลาบแข่งขันทั้งฤดู สามารถกระทบทั้งลักษณะต้น น้ำหนักเมล็ด และองค์ประกอบธาตุอาหารในเมล็ด
- ในสวนกล้วย พื้นที่ที่ใช้แต่ “การจัดการเชิงกล (ถาก/ไถ)” อย่างเดียว พบว่าประชากรผักปลาบมักสูงกว่าพื้นที่ที่มีการใช้สารกำจัดวัชพืชร่วมด้วย เพราะท่อนลำต้นที่แตกหักกลับกลายเป็นกล้าชุดใหม่
โดยรวมจึงถือว่าเป็นวัชพืชที่:
- ทนการจัดการแบบถาก–ไถธรรมดา
- อยู่รอดได้ดีกว่าในระบบที่ “ดินดี น้ำดี แต่จัดการวัชพืชไม่จริงจัง”
การป้องกันการระบาด
ความสะอาดของแปลงและเครื่องมือ
- ลดการขนเมล็ด/ท่อนลำต้นไปยังแปลงใหม่ ด้วยการทำความสะอาดเครื่องมือไถ–พรวน รถไถ รถเกี่ยว
- ระวังเศษดินจากแปลงที่มีผักปลาบระบาดไม่ให้หล่นในแปลงใหม่
การจัดการน้ำ (โดยเฉพาะในนา)
- ผักปลาบทนเปียกได้ แต่ก็ไม่ชอบน้ำท่วม “ลึกต่อเนื่อง” นานเกินไปในบางระยะ
- การจัดระดับน้ำให้เหมาะกับข้าว แต่ไม่เอื้อวัชพืช (เช่น รักษาน้ำท่วมแปลงให้เพียงพอหลังข้าวตั้งตัว) สามารถช่วยกดวัชพืชใบกว้างได้ระดับหนึ่ง
การปลูกพืชคลุมดิน/เพิ่มความหนาแน่นพืชปลูก
- พืชหลักที่ปลูกให้ “บังดินได้เร็ว” หรือใช้พืชคลุมดินช่วย จะลดช่องว่างสำหรับผักปลาบงอกใหม่
- ความหนาแน่นพืชหลักและการคลุมดินที่ดี สามารถเปลี่ยนโครงสร้างชุมชนวัชพืชให้ผักปลาบอยู่ได้ยากขึ้น
การกำจัดและจัดการผักปลาบ
หลัก ๆ มี 3 กลุ่ม: วิธีกล, วัฒนธรรม (cultural), และสารเคมี
การทำ “อย่างใดอย่างหนึ่ง” มักไม่พอ ต้องใช้แบบผสมผสาน (Integrated Weed Management)
วิธีเชิงกลและทางกายภาพ
- ถอนมือ/จอบถาก
- ทำได้ในพื้นที่เล็กหรือในผักสวนครัว
- ต้อง “ถอนทั้งรากและเก็บท่อนลำต้นออกจากแปลง” ไม่ทิ้งไว้บนดิน เพราะท่อนที่เหลือสามารถออกรากใหม่ได้
- ไถกลบ/พรวนดิน
- ให้ผลเพียงชั่วคราว ถ้าท่อนลำต้นยังมีชีวิตและถูกฝังในดิน มันสามารถแตกยอดใหม่
- เหมาะใช้ร่วมกับช่วงดินแห้งตามหลัง และมีพืชหลักคลุมดินเร็ว
- ตัด/ตัดหญ้าเตี้ย
- ช่วยลดการสร้างเมล็ด แต่ไม่ค่อยฆ่าต้น เพราะโคนต้นยังอยู่
ข้อเสียของวิธีเชิงกลกับผักปลาบ:
- พืชชนิดนี้ “เก่งเรื่องแตกจากท่อนลำต้น” ดังนั้น ถ้าจัดการไม่เก็บเศษออก ก็เหมือนช่วยขยายพันธุ์ให้มัน
วิธีวัฒนธรรม (Cultural Control)
- ปลูกหมุนเวียน
- การปลูกพืชหมุนเวียนที่มีการจัดการวัชพืชแตกต่างกัน (เช่น พืชที่ใช้ยาคนละ mode of action หรือพืชที่ปิดดินเร็ว) จะช่วยลดประชากรผักปลาบในระยะยาว
- คลุมดิน (mulch)
- ฟางข้าวหรือพลาสติกคลุมดินช่วยลดความเข้มแสงถึงผิวดิน ลดการงอกของเมล็ดวัชพืช
- รักษาช่วงแปลงสะอาดในระยะวิกฤติของพืชหลัก
- เช่น ข้าว/ถั่วในช่วง 20–40 วันแรกหลังงอกเป็นช่วงที่วัชพืชกระทบผลผลิตมากที่สุด ควรพยายามให้ช่วงนี้ “สะอาดจากผักปลาบ” มากที่สุด
การใช้สารเคมี: หลักการ + สารออกฤทธิ์ที่เกี่ยวข้อง (เชิงแนวคิด)
ตรงนี้เป็นข้อมูลเชิงวิชาการ–ภาพรวม ไม่ใช่คำแนะนำแทนฉลาก
เกษตรกรต้องเลือกใช้สารตามที่ทะเบียนรับรองของประเทศ และปฏิบัติตามฉลาก/กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ใส่อุปกรณ์ป้องกัน (PPE) และจัดการน้ำ–สภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย
ประเด็นสำคัญ: ผักปลาบ “ไม่ใช่วัชพืชธรรมดา”
มีรายงานว่ากลุ่ม Commelina spp. โดยเฉพาะ C. diffusa มีแนวโน้มทนหรือกำจัดได้ยากด้วยสารบางกลุ่ม เช่น
- บางกรณีให้ผลตอบสนองต่อสารดูดซึม (เช่น ไกลโฟเซต เดี่ยว ๆ) ไม่ดีเท่าหญ้าชนิดอื่น ใบอาจไหม้แต่โคน/ท่อนลำต้นกลับแตกใหม่
ดังนั้น หลักคิดคือ:
- อย่า “ฝากชีวิต” ไว้กับสารตัวเดียว
- ใช้การผสมผสาน mode of action ต่างกัน + วิธีเชิงกล/วัฒนธรรมร่วมกัน
ข้อมูลจากแปลงพืชไร่
- การใช้สารผสม (tank mix / sequential application)
การทดลองกับวัชพืชสกุล Commelina พบว่า:- การพ่นแบบขั้นตอน เช่น การใช้สารกำจัดวัชพืชชนิดสัมผัสผสมกับชนิดคุมใบกว้าง แล้วตามด้วยสารดูดซึมอีกครั้ง ให้ผลควบคุม Commelina ได้ดี
- การผสมสารดูดซึมกับสารกำจัดวัชพืชกลุ่มฮอร์โมนเลียนแบบและสารออกฤทธิ์สัมผัส ให้การควบคุม Commelina สูงในหลายชุดทดลอง
- สารดูดซึม = ดูดซึม–ออกฤทธิ์ช้า
- สารฮอร์โมนเลียนแบบ = เน้นทำลายพืชใบกว้าง
- สารสัมผัส = กำจัดใบอ่อนเร็ว
การใช้ร่วมกันช่วย “เก็บงาน” ทั้งส่วนเหนือดินและลำต้น
- สารคุม (pre-emergence) บางกลุ่ม
สำหรับ Commelina บางชนิด (เช่น C. benghalensis) สารคุมดินกลุ่มหนึ่ง เช่น chloroacetamide (ตัวอย่างเช่น s-metolachlor ในงานวิจัย) ให้การควบคุมวัชพืชได้ดี หากใช้ถูกช่วงและอัตรา
แม้งานจะเน้น C. benghalensis แต่แนวโน้มบอกว่า “สารคุมบางกลุ่ม” สามารถลดการงอกของ Commelina spp. ได้ดีหากใช้ถูกเวลาและอัตรา
FAQ – คำถามที่เจอบ่อยเรื่องผักปลาบ
ถาม: ทำไมถอนผักปลาบแล้วมันขึ้นใหม่เร็วมาก?
ตอบ: เพราะมันขยายพันธุ์ได้ทั้งจากเมล็ดและ “ท่อนลำต้นที่มีข้อ” ถ้าถอนแล้วทิ้งท่อนลำต้นไว้บนดิน หรือไถ/ถากจนกิ่งแตก แล้วไม่เก็บออก ท่อนเหล่านั้นสามารถออกรากใหม่จากข้อได้ จึงดูเหมือน “ถอนไปแล้วก็ยังขึ้น”
ถาม: ผักปลาบกระทบผลผลิตข้าวแค่ไหน?
ตอบ: ถ้าปล่อยให้ผักปลาบแข่งกับข้าวตลอดฤดู ที่ความหนาแน่นระดับสูง ผลผลิตสามารถลดลงในระดับหลักสิบเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับแปลงที่ควบคุมวัชพืชอย่างดี จึงควรควบคุมไม่ให้แข่งทั้งฤดู
ถาม: ใช้ยาฆ่าหญ้าตัวเดียวพ่นผักปลาบได้ไหม?
ตอบ: ส่วนใหญ่ “ไม่ค่อยจบ” ด้วยสารตัวเดียว เพราะผักปลาบมีแนวโน้มทนต่อสารบางกลุ่ม และยังแตกจากท่อนลำต้นเก่ง มักต้องใช้ร่วมกับสารอีกกลุ่มหนึ่ง หรือใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น ถาก–ถอน คลุมดิน และการจัดการน้ำ
ถาม: ในระบบนาข้าว มีสารตัวไหนพอช่วยเรื่องผักปลาบได้บ้าง (เชิงหลักการ)?
ตอบ: ในงานวิจัยต่างประเทศ สารบางกลุ่ม เช่น bispyribac-sodium ถูกใช้เพื่อลดประชากรผักปลาบและวัชพืชใบกว้างอื่น ๆ ในข้าว แต่ในทางปฏิบัติในไทย ต้องอ้างอิงทะเบียนสารและฉลากในประเทศเป็นหลักว่าตัวไหน “ขึ้นทะเบียนควบคุมผักปลาบ” และใช้กับข้าวได้ปลอดภัย
ถาม: จะรู้ได้ไงว่าในแปลงเราควรเน้น “ถาก–ถอน” หรือ “ใช้ยา”?
ตอบ: โดยหลักง่าย ๆ
- ถ้าเป็นพื้นที่เล็ก พืชผักหลากชนิด หรือใกล้แหล่งน้ำ–บ้านคนมาก → เน้นถอน–ถาก–คลุมดิน ลดใช้สาร
- ถ้าเป็นนาข้าว/พืชไร่พื้นที่กว้าง ผักปลาบขึ้นหนาแน่นทั้งแปลง → ต้องคิดเป็น “แผนผสมผสาน” ใช้ทั้งคุมเมล็ด (ถ้าเป็นไปได้), พ่นสารหลังงอกในช่วงเหมาะสม และถากเสริมในจุดที่หนาแน่น
กำลังมองหา สารกำจัดวัชพืช อยู่รึเปล่าคะ? สั่งซื้อได้ที่นี่เลย
สินค้าทุกรายการ ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ทางร้านมีใบอนุญาติจำหน่ายถูกต้องตามกฎหมายค่ะ
หากไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ผ่านระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @260afyhm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ













