Last Updated on กรกฎาคม 7, 2025 by admin
“หนอนปลอก” ชื่อที่เกษตรกรไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แมลงศัตรูพืชชนิดนี้แม้ตัวจะมีขนาดเล็ก แต่สร้างความเสียหายให้กับพืชเศรษฐกิจสำคัญอย่างข้าวและปาล์มน้ำมันได้อย่างมหาศาล การระบาดของหนอนปลอกไม่เพียงทำให้ผลผลิตลดลง แต่ยังส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชในระยะยาว บทความนี้จะเจาะลึกถึงวงจรชีวิต ลักษณะการทำลาย และแนวทางการจัดการหนอนปลอกแต่ละชนิดอย่างละเอียด เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
ทำความรู้จัก “หนอนปลอก” แต่ละชนิด
คำว่า “หนอนปลอก” ในประเทศไทยนั้นหมายถึงหนอนผีเสื้อกลางคืนหลายชนิดที่สร้างปลอกหุ้มตัวเองเพื่อป้องกันอันตราย แต่ชนิดที่สร้างปัญหาหลักในภาคการเกษตรมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่:
- หนอนปลอกข้าว (Rice Caseworm): พบในนาข้าวเป็นหลัก
- หนอนปลอกปาล์มน้ำมัน (Oil Palm Bagworm): พบในสวนปาล์มน้ำมันและพืชตระกูลปาล์มอื่นๆ
ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะและวงจรชีวิตที่แตกต่างกัน จำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อการป้องกันกำจัดที่ถูกต้อง
1. หนอนปลอกข้าว (Rice Caseworm)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphula depunctalis
หนอนปลอกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หนอนขยอก” เป็นศัตรูข้าวที่สำคัญในระยะต้นกล้า โดยเฉพาะในแปลงนาที่มีน้ำขังตลอดเวลา
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา
- ตัวเต็มวัย: เป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ปีกมีสีขาวนวลและมีจุดหรือแถบสีน้ำตาลอ่อนพาดตามขอบปีก มักหลบซ่อนตัวตามใบข้าวในเวลากลางวันและออกมาเล่นไฟในเวลากลางคืน
- ไข่: ตัวเมียวางไข่เป็นกลุ่มๆ หรือเป็นแถวเรียงซ้อนกันบนผิวใบข้าวหรือกาบใบเหนือระดับน้ำ
- ตัวหนอน: เมื่อฟักออกจากไข่ใหม่ๆ จะมีสีครีม หัวสีเหลืองอ่อน เมื่อโตเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนใส มีความพิเศษคือจะอาศัยอยู่ในปลอกที่สร้างจากใบข้าวที่ตัดมาห่อหุ้มลำตัว
- ดักแด้: หนอนจะเข้าดักแด้ภายในปลอกเดิมที่อาศัยอยู่
วงจรชีวิต
วงจรชีวิตของหนอนปลอกข้าวค่อนข้างสั้น ทำให้สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว
- ระยะไข่: ประมาณ 3-4 วัน
- ระยะหนอน: ประมาณ 20-25 วัน เป็นระยะที่สร้างความเสียหายมากที่สุด
- ระยะดักแด้: ประมาณ 4-7 วัน
- ระยะตัวเต็มวัย: ประมาณ 5-10 วัน
ลักษณะการเข้าทำลาย
หนอนปลอกข้าวจะเริ่มทำลายข้าวทันทีหลังฟักออกจากไข่ โดยจะกัดกินผิวใบข้าว (Epidermis) ทำให้เกิดเป็นรอยสีขาวเป็นทางยาวคล้ายรอยขีดข่วน จากนั้นจะตัดใบข้าวเป็นท่อนๆ เพื่อนำมาสร้างเป็นปลอกหุ้มลำตัว ตัวหนอนจะอาศัยอยู่ในปลอกและเคลื่อนที่ไปกัดกินใบข้าวต้นอื่นโดยการลอยไปตามน้ำในแปลงนา หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบข้าวถูกทำลายเป็นจำนวนมาก สังเกตเห็นต้นข้าวมีอาการใบขาวโพลนเป็นหย่อมๆ การสังเคราะห์แสงลดลง ส่งผลให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโตและอาจแห้งตายได้ในที่สุด
พืชเป้าหมาย
- ข้าว (โดยเฉพาะในระยะกล้าถึงระยะแตกกอ)
- วัชพืชในนาข้าว เช่น หญ้าข้าวนก หญ้าไซ
วิธีป้องกันกำจัด
วิธีเขตกรรม (Cultural Control):
- การจัดการน้ำ: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการระบายน้ำออกจากแปลงนา แล้วปล่อยให้ดินแห้งประมาณ 7-10 วัน เพื่อตัดวงจรชีวิตของหนอนที่อาศัยน้ำในการเคลื่อนที่และแพร่กระจาย วิธีนี้จะทำให้หนอนตายและไม่สามารถไปทำลายต้นอื่นได้
- กำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบแปลงนา เพื่อทำลายพืชอาศัยและแหล่งหลบซ่อนของผีเสื้อ
วิธีชีวภาพ (Biological Control):
- ใช้เชื้อราเขียวเมตาไรเซียม (Metarhizium anisopliae) หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงเยนซิส (Bacillus thuringiensis หรือ BT) ฉีดพ่นเพื่อควบคุมประชากรหนอน
สารเคมีที่นิยมใช้กำจัด:
การใช้สารเคมีควรทำเมื่อสำรวจพบใบข้าวถูกทำลายมากกว่า 15% สารเคมีที่แนะนำตามข้อมูลของกรมการข้าวและกรมวิชาการเกษตร ได้แก่:
- ฟิโพรนิล (Fipronil)
- เบนซัลแทป (Bensultap)
- คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos)
- คาร์โบซัลแฟน (Carbosulfan)
2. หนอนปลอกปาล์มน้ำมัน (Oil Palm Bagworm)
หนอนปลอกในสวนปาล์มน้ำมันมีหลายชนิด ที่สำคัญและพบการระบาดบ่อยในประเทศไทยคือ หนอนปลอกเล็ก (Cremastopsyche pendula หรือ Pteroma pendula) และ หนอนปลอกใหญ่ (Mahasena corbetti)
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา
- ตัวเต็มวัย: มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างเพศผู้และเพศเมีย
- เพศผู้: เป็นผีเสื้อกลางคืน มีปีก บินได้
- เพศเมีย: ไม่มีปีก ลักษณะคล้ายหนอน ยังคงอาศัยอยู่ในปลอกตลอดชีวิต และรอให้ตัวผู้บินมาผสมพันธุ์
- ไข่: เพศเมียวางไข่ภายในปลอกของตัวเอง
- ตัวหนอน: ลักษณะคล้ายหนอนทั่วไป แต่จะสร้างปลอกหุ้มตัวตั้งแต่ฟักออกจากไข่ โดยใช้วัสดุจากพืชที่อาศัยอยู่ เช่น เศษใบไม้ มาถักทอรวมกับใยที่มันสร้างขึ้น ลักษณะของปลอกจะแตกต่างกันไปตามชนิดของหนอน
- ดักแด้: จะเข้าดักแด้อยู่ภายในปลอก
วงจรชีวิต
วงจรชีวิตของหนอนปลอกปาล์มน้ำมันยาวนานกว่าหนอนปลอกข้าว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและสภาพแวดล้อม
ลักษณะการเข้าทำลาย
ตัวหนอนจะโผล่หัวออกมาจากปลอกเพื่อกัดกินผิวใบของทางใบปาล์มน้ำมัน โดยจะขูดกินผิวใบด้านล่าง ทำให้ทางใบส่วนนั้นแห้งเป็นสีน้ำตาลหรือสีเทาเงิน เมื่อมองจากไกลๆ จะเห็นทรงพุ่มของปาล์มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลคล้ายใบไหม้ หากการระบาดรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสังเคราะห์แสง ทำให้ต้นปาล์มชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงอย่างน้อย 30-40% และอาจใช้เวลานานถึง 2 ปีกว่าต้นจะฟื้นตัวกลับมาให้ผลผลิตปกติ
พืชเป้าหมาย
- ปาล์มน้ำมัน (พืชเป้าหมายหลัก)
- มะพร้าว
- ปาล์มประดับชนิดต่างๆ
วิธีป้องกันกำจัด
การสำรวจและเฝ้าระวัง:
- หมั่นสำรวจสวนปาล์มอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่ยาวนานซึ่งเอื้อต่อการระบาด
- สังเกตร่องรอยการทำลายบนทางใบ หากพบการระบาดในระยะเริ่มต้นให้รีบจัดการทันที
วิธีกล (Mechanical Control):
- หากพบการระบาดไม่รุนแรง หรือระบาดในปาล์มต้นเล็ก ให้ตัดทางใบที่พบหนอนไปเผาทำลาย เพื่อลดการสะสมของประชากรและตัดวงจรการระบาด
วิธีชีวภาพ (Biological Control):
- ส่งเสริมและอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ เช่น แตนเบียนชนิดต่างๆ
- ใช้เชื้อแบคทีเรีย บีที (BT) ฉีดพ่นในช่วงที่หนอนยังมีขนาดเล็กและสภาพอากาศเหมาะสม (เย็นและชื้น)
สารเคมีที่นิยมใช้กำจัด:
การใช้สารเคมีแนะนำเมื่อพบการระบาดรุนแรงและจำเป็นต้องควบคุมอย่างเร่งด่วน สารเคมีที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำสำหรับกำจัดหนอนปลอกปาล์มน้ำมัน ได้แก่:
- ฟลูเบนไดอะไมด์ (Flubendiamide)
- คลอแรนทรานิลิโพรล (Chlorantraniliprole)
- ลูเฟนนูรอน (Lufenuron)
- สปินโนแสด (Spinosad)
เทคนิคการพ่น: ควรพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณใต้ทางใบ และอาจต้องพ่นซ้ำ 1-2 ครั้งห่างกันประมาณ 15 วันเพื่อกำจัดหนอนที่อาจฟักออกมาใหม่ สำหรับปาล์มต้นสูงที่ไม่สามารถพ่นสารได้ทั่วถึง อาจใช้วิธีเจาะลำต้นแล้วใส่สารเคมีแทน แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญและใช้สารที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
กำลังมองหา สารกำจัดแมลงรึเปล่าคะ? สั่งซื้อได้ที่นี่เลย
ที่ร้าน lucky worm เรามีทั้ง ชีวภัณฑ์ ออแกนิค ที่ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช และสารเคมีที่ใช้กำจัดแมลง
เรามีใบอนุญาติขาย เคมีเกษตร ถูกต้องตามกฎหมาย ออกโดย กรมวิชาการเกษตร
หากไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ผ่านระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @260afyhm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ













