Last Updated on กันยายน 3, 2025 by admin
เมื่อพูดถึงวัตถุดิบในการทำอาหารประเภทแป้ง หลายคนอาจนึกถึงแป้งมันสำปะหลังหรือแป้งข้าวโพด แต่ยังมีแป้งอีกชนิดหนึ่งที่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นและเป็นมิตรต่อสุขภาพอย่างยิ่ง นั่นคือแป้งที่ได้จาก มันสาคู พืชหัวใต้ดินที่อาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างนัก แต่กลับมีความสำคัญทั้งในเชิงโภชนาการและการปรุงอาหารมายาวนาน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับพืชมหัศจรรย์ชนิดนี้ในทุกแง่มุม
มันสาคู คืออะไร?
พืชชนิดนี้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Maranta arundinacea L. เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Marantaceae มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ สิ่งที่เราเรียกว่า “หัว” ของมันนั้น แท้จริงแล้วคือส่วนของ “เหง้า” ที่สะสมอาหารประเภทแป้งไว้เป็นจำนวนมาก ลักษณะของเหง้าจะเป็นทรงกระบอกยาว ผิวสีขาวครีมหรือน้ำตาลอ่อน เนื้อในเป็นสีขาวบริสุทธิ์
คนส่วนใหญ่มักรู้จักพืชชนิดนี้ในรูปแบบของ “แป้งมัน” ซึ่งได้มาจากการนำเหง้าสดมาผ่านกระบวนการบด สกัด และทำให้แห้ง จนได้เป็นผงแป้งสีขาวเนียนละเอียด ถือเป็นแป้งที่บริสุทธิ์และย่อยง่ายที่สุดชนิดหนึ่ง
ประวัติและแหล่งกำเนิดโดยย่อ
ชื่อภาษาอังกฤษ “Arrowroot” มีที่มาจากเรื่องเล่าที่ว่าชนพื้นเมืองในแถบแคริบเบียนใช้พืชชนิดนี้ในการดูดพิษจากบาดแผลที่ถูกยิงด้วยธนู (Arrow) มันถูกเพาะปลูกและใช้งานโดยมนุษย์มานานกว่า 7,000 ปี เพื่อเป็นทั้งอาหารและยา ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลกในฐานะแป้งคุณภาพสูง
ประโยชน์ของ มันสาคู และสรรพคุณ
- ย่อยง่ายที่สุดในบรรดาแป้ง: โมเลกุลของมันชนิดนี้มีขนาดเล็กและมีโครงสร้างที่ง่ายต่อการย่อย ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทารก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่กำลังพักฟื้นซึ่งมีระบบย่อยอาหารที่บอบบาง
- ปราศจากกลูเตน : เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย 100% สำหรับผู้ที่มีภาวะแพ้กลูเตนหรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการบริโภคกลูเตน
- ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง: ด้วยคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มมวลให้อุจจาระและดูดซับน้ำในลำไส้ มันชนิดนี้จึงถูกใช้เป็นอาหารเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียอย่างได้ผล
- มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก : แป้งบางส่วนในเหง้าเป็นแป้งทนย่อย ซึ่งไม่ถูกย่อยในลำไส้เล็ก แต่จะเดินทางไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ดี ช่วยส่งเสริมสุขภาพของลำไส้โดยรวม
- แหล่งของสารอาหาร: หัวสดเป็นแหล่งของโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของหัวใจและควบคุมความดันโลหิต นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโฟเลต ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
การแปรรูปเป็นแป้ง มันสาคู
- ไม่มีป้ายกำกับ
กระบวนการสกัดแป้งจากเหง้า มันขนิดนี้ เป็นกรรมวิธีที่ต้องใช้ความพิถีพิถันเพื่อให้ได้แป้งคุณภาพดี โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:
- การล้างและปอกเปลือก: นำหัว มันสาคู สดมาล้างให้สะอาดและปอกเปลือกนอกออก
- การบด: นำเนื้อสีขาวที่ได้ไปบดให้ละเอียดที่สุด
- การสกัดแป้ง: นำเนื้อมันที่บดแล้วไปขยำกับน้ำสะอาด แล้วกรองผ่านผ้าขาวบางเพื่อแยกกากใยออก จะได้น้ำสีขาวขุ่น
- การตกตะกอน: ตั้งน้ำแป้งทิ้งไว้ให้ผงแป้งนอนก้น ตะกอนแป้งที่ได้นี้คือแป้ง มันสาคู บริสุทธิ์
- การทำให้แห้ง: รินน้ำส่วนบนทิ้งไป นำตะกอนแป้งที่ได้ไปตากแดดหรืออบจนแห้งสนิท แล้วจึงนำไปบดให้เป็นผงละเอียดอีกครั้ง
ข้อแตกต่างสำคัญ: แป้งมันสาคู vs แป้งมันสำปะหลัง
หลายคนมักสับสนระหว่างแป้งสองชนิดนี้ แต่ความจริงแล้วมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งที่มาและคุณสมบัติ
| คุณสมบัติ | แป้งมันสาคู | แป้งมันสำปะหลัง |
| แหล่งที่มา | เหง้าของต้น | หัวของต้นมันสำปะหลัง |
| ลักษณะเมื่อสุก | ให้ความข้นหนืดที่ใส ไม่คืนตัวง่าย | ให้ความข้นหนืด แต่จะคืนตัวง่ายเมื่อเย็นลง |
| รสชาติ | ไม่มีรสชาติรบกวนอาหาร | อาจมีรสฝาดจางๆ หากแป้งไม่บริสุทธิ์ |
| อุณหภูมิที่ข้น | ข้นได้ดีในอุณหภูมิต่ำกว่า | ต้องการอุณหภูมิสูงกว่าในการทำให้ข้น |
| การใช้งานที่เหมาะ | ราดหน้า, ซอสผลไม้, เกรวี่, ซุปใส | ขนมที่ต้องการความหนืดเหนียว เช่น เต้าส่วน, ขนมชั้น |
การนำไปใช้ประโยชน์
คุณสมบัติที่หลากหลายทำให้ มันชนิดนี้ ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย
- ในวงการอาหาร: ใช้เป็นสารให้ความข้น (Thickener) ในซุป ซอส หรือเกรวี่ โดยไม่ทำให้สีของอาหารเปลี่ยนไปและไม่ทิ้งรสชาติของแป้ง เป็นส่วนผสมสำคัญในขนมอบสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน และใช้ทำพุดดิ้งหรือคัสตาร์ดสำหรับเด็ก
- ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: ในอดีต แป้ง มัน ถูกใช้เป็นส่วนผสมในแป้งฝุ่นสำหรับเด็กและเครื่องสำอาง เนื่องจากความสามารถในการดูดซับความชื้นและความอ่อนโยนต่อผิว
วิธีปลูกมันสาคูเบื้องต้นในสวนหลังบ้าน 🌱
คุณสามารถปลูกพืชชนิดนี้ไว้ที่บ้านได้ไม่ยาก:
- การเตรียมดิน: ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุสูง
- การปลูก: ใช้เหง้าที่มีตาติดอยู่ ฝังลงในดินลึกประมาณ 5-7 ซม.
- แสงแดด: ชอบแสงแดดรำไร ไม่ควรปลูกในที่ที่โดนแดดจัดตลอดทั้งวัน
- การรดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ อย่าให้ดินแห้งหรือแฉะเกินไป
- การเก็บเกี่ยว: สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 8-12 เดือน โดยสังเกตจากใบที่เริ่มเหลืองและแห้ง
โดยสรุป มันสาคู ไม่ใช่เป็นเพียงพืชหัวธรรมดา แต่เป็นแหล่งของแป้งคุณภาพสูงที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ด้วยคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ปราศจากกลูเตน และมีสรรพคุณช่วยดูแลระบบย่อยอาหาร ทำให้ พืชชนิดนี้และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพอย่างแท้จริง
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน










