Last Updated on พฤศจิกายน 19, 2025 by admin
กุ่ยช่าย (หลายคนเขียน กุยช่าย/กู๋ฉ่าย) เป็นผักใบเขียวที่คนไทยคุ้นหน้ามานาน ทั้งในขนมกุ่ยช่ายทอด กุ่ยช่ายผัด หรือใส่ก๋วยเตี๋ยว–ผัดไทย แต่ถ้าย้อนไปดูประวัติจริง ๆ แล้ว กุ่ยช่ายเป็นผักที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ปลูกกินและใช้เป็นสมุนไพรมานานหลายพันปี ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่วเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยด้วย
1. ข้อมูลพื้นฐานของต้นกุ่ยช่าย
- ชื่อสามัญ (อังกฤษ): Garlic chives, Chinese chives
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Allium tuberosum Rottl. ex Spreng.
- วงศ์: Amaryllidaceae วงศ์ย่อย Allioideae (กลุ่มเดียวกับหอม กระเทียม)
- ชื่อจีน: 韭菜 (จิ่วไช่ / จิ่วฉ่าย)
- ลักษณะเด่น: กลิ่นคล้ายกระเทียม–หอมผสมกัน ใบแบน ไม่กลมท่อแบบหอมแบ่งหรือกุยช่ายฝรั่ง
ปัจจุบันมีการปลูกกุ่ยช่ายอย่างแพร่หลายในจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย อินเดีย รวมทั้งหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเริ่มนิยมปลูกเป็นผัก–ไม้ประดับในยุโรปและอเมริกาเพิ่มมากขึ้น
2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นกุ่ยช่าย
2.1 ต้นและราก
- เป็น ไม้ล้มลุกหลายปี (perennial) แตกกอ
- สูงประมาณ 20–45 ซม.
- ทั้งต้นมีกลิ่นฉุนแบบหอม–กระเทียม
- ระบบรากเป็นรากฝอยจำนวนมาก แผ่กระจายรอบโคนต้น
- เหง้าใต้ดินทรงค่อนข้างกลม สีขาว ขนาดเล็ก มีหลายเหง้าในหนึ่งกอ
2.2 ใบ
- ใบเดี่ยวแบนคล้ายแถบยาว กว้างประมาณ 1.5–9 มม. ยาว 10–30 ซม.
- สีเขียวเข้ม ผิวมัน ขอบเรียบ
- ปลายใบแหลม เนื้อใบเหนียวเล็กน้อย กลิ่นฉุนเฉพาะตัว
2.3 ดอกและเมล็ด
- ก้านดอกเป็นก้านกลมตัน สีเขียว สูงประมาณ 30–45 ซม.
- ดอกออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม (umbel) สีขาว
- มีกลีบดอก 6 กลีบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ
- เมื่อดอกแก่จะให้เมล็ดสีดำแข็ง ใช้เพาะพันธุ์ได้ดี
3. ชนิดของ ต้นกุ่ยช่าย ที่พบในตลาดไทย
- กุ่ยช่ายเขียว
- ใบสีเขียวเข้ม กลิ่นแรง
- ใช้ผัดไทย ใส่ก๋วยเตี๋ยว ผัดผัก และทำขนมกุ่ยช่าย
- กุ่ยช่ายขาว
- เป็นกุ่ยช่ายเขียวที่ถูกบังแสง ทำให้ใบอ่อน สีเหลือง–ขาว เนื้อนุ่ม
- กลิ่นเบากว่า เหมาะสำหรับเมนูผัดอ่อน ๆ ระดับภัตตาคาร
- ดอกกุ่ยช่าย / ก้านดอกกุ่ยช่าย
- ก้านดอกอ่อนและดอกตูม
- เนื้อกรุบ ไม่ฉุนมาก ใช้ผัดกับเนื้อสัตว์ได้ดี
4. คุณค่าทางโภชนาการของ ต้นกุ่ยช่าย และประโยชน์ต่อร่างกาย
กุ่ยช่ายมีสารอาหารหลายชนิด เช่น
- วิตามินเอ วิตามินซี
- วิตามินบีหลายชนิด
- ใยอาหาร
- แคโรทีน
- ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
ประโยชน์ต่อร่างกายตามตำรับไทยและจีน เช่น
- ช่วยระบบย่อยอาหาร
- ขับลม แก้ท้องอืด
- บำรุงเลือด บำรุงไต
- บรรเทาฟกช้ำเมื่อใช้ภายนอก
- เมล็ดมีการใช้เป็นยาขับพยาธิในบางสูตร
- บางตำนานจีนระบุว่าช่วยบำรุงกำหนัด (แต่ด้านการแพทย์สมัยใหม่ยังไม่มีหลักฐานแน่นหนา)
5. การปลูกกุ่ยช่าย: ปลูกครั้งเดียว เก็บกินได้หลายปี
5.1 สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
- ปลูกได้ทั่วไทย
- ชอบดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี
- pH ดินประมาณ 6–7
- ต้องการแสงแดดเต็มวัน แต่ปลูกในร่มครึ่งวันได้
- ต้องการความชื้นสม่ำเสมอ แต่ ไม่ชอบน้ำขัง
5.2 การขยายพันธุ์
- เพาะเมล็ด
- ใช้เวลาโตนาน (7–8 เดือนกว่าจะเก็บได้)
- เหมาะสำหรับเริ่มแปลงใหม่
- แยกกอ / แยกเหง้า
- เร็วกว่ามาก (3–4 เดือนเก็บใบได้)
- นิยมที่สุดในเชิงการค้า
5.3 วิธีปลูก
- ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองพื้น
- ยกร่องหรือเตรียมแปลงให้ระบายน้ำดี
- ระยะปลูกประมาณ 20–25 ซม. ระหว่างต้น
- รดน้ำหลังปลูกทันที และดูแลความชื้นช่วงแรก
5.4 การให้น้ำ–ปุ๋ย
- รดน้ำวันละ 1–2 ครั้ง ในช่วงแรก
- เมื่อกอตั้งตัวแล้วรดวันละครั้ง
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หลังตัดใบแต่ละครั้ง เพื่อให้แตกใบใหม่ไว
5.5 การทำ “กุ่ยช่ายขาว”
- ตัดใบเขียวออกให้เหลือ 1–2 ซม. เหนือดิน
- ใช้ภาชนะทึบครอบปิดให้มืด
- รอ 7–10 วัน ใบอ่อนที่งอกใหม่จะเป็นกุ่ยช่ายขาว
6. การเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษา
อายุเก็บเกี่ยว
- ปลูกจากเมล็ด: 7–8 เดือน
- ปลูกจากเหง้า: 3–4 เดือน
- หลังตั้งแปลงแล้ว ตัดใบได้ทุก 15–45 วัน
วิธีเก็บเกี่ยว
- ตัดเหนือดิน 1–2 ซม. ไม่ถอนทั้งต้น
- เก็บตอนเช้า จะได้ใบสดและก้านแน่น
การเก็บรักษา
- กุ่ยช่ายเสียง่ายมาก
- เก็บในอุณหภูมิ 0–5°C จะอยู่ได้ราว 10–14 วัน
- ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้อง ใบจะเหลืองและเน่าง่ายมาก
7. การใช้กุ่ยช่ายในอาหาร
ในครัวจีน–เอเชีย
- ใส่ไส้เกี๊ยว–เกี๊ยวซ่า
- ผัดกับเนื้อสัตว์
- ผัดเต้าหู้หรือไข่
- ใช้ก้านดอกกุ่ยช่ายผัดกับหมูหรือกุ้ง
ในครัวไทย
- ขนมกุ่ยช่ายทอด/นึ่ง
- ผัดไทย ใส่ใบกุ่ยช่าย
- กุ่ยช่ายผัดหมูสับ
- ดอกกุ่ยช่ายผัดเนื้อสัตว์
8. บทบาทด้านสมุนไพร
กุ่ยช่ายถูกใช้เป็นสมุนไพรในหลายตำรา เช่น
- ช่วยขับลม
- แก้ท้องอืด
- ช่วยระบบย่อย
- บำรุงเลือดและไต
- ใช้ภายนอกลดฟกช้ำ
- เมล็ดใช้ขับพยาธิในบางสูตร
9. FAQ – คำถามที่พบบ่อย
ถาม: กุ่ยช่ายปลูกครั้งเดียวอยู่ได้นานแค่ไหน?
ตอบ: หากจัดการดี ใส่ปุ๋ย–น้ำเหมาะสม สามารถเก็บผลิตได้หลายปีต่อเนื่อง
ถาม: กุ่ยช่ายกับต้นหอมต่างกันอย่างไร?
- กุ่ยช่าย: ใบแบน กลิ่นแนวกระเทียม
- ต้นหอม: ใบกลมกลวง กลิ่นแนวหอมแบ่ง
ถาม: ปลูกในกระถางได้ไหม?
ได้สบายมาก ใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก วางให้โดนแดด รดน้ำทุกวัน ก็มีใบเก็บกินยาว ๆ
ถาม: กินดิบได้ไหม?
กินได้ แต่ส่วนมากนิยมปรุงสุกเพื่อให้กลิ่นเบาลงและย่อยง่ายขึ้น
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน










