Last Updated on สิงหาคม 4, 2025 by admin
มะขามเทศ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pithecellobium dulce) เป็นไม้ยืนต้นที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ด้วยรสชาติหวานมันของฝักที่เป็นเอกลักษณ์ นิยมรับประทานเป็นผลไม้ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากความอร่อยแล้ว มะขามเทศยังเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจอีกมากมาย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกเรื่องราวของมะขามเทศ ตั้งแต่ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ วิธีการปลูก ไปจนถึงประโยชน์และสรรพคุณที่ทำให้พืชชนิดนี้เป็นมากกว่าแค่ผลไม้ตามฤดูกาล
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะขามเทศ
มะขามเทศเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (Fabaceae) เช่นเดียวกับมะขามและพืชตระกูลถั่วอื่นๆ มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกากลางและเม็กซิโก ก่อนจะแพร่หลายมายังภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ลำต้น: เป็นไม้ยืนต้นสูงได้ถึง 10-15 เมตร เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นร่องตื้นๆ ตามยาว กิ่งก้านมักคดงอและแตกแขนงจำนวนมาก บริเวณกิ่งและโคนก้านใบมักมีหนามแหลมคม
- ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกเรียงสลับกัน ในแต่ละก้านใบจะประกอบด้วยใบย่อย 1 คู่ รูปทรงรีหรือรูปไข่กลับ โคนใบเบี้ยว ปลายใบมน เนื้อใบค่อนข้างบาง ผิวใบเกลี้ยง สีเขียวสด
- ดอก: ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่นตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวนวลหรือเขียวอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ประกอบด้วยกลีบเลี้ยงและกลีบดอกขนาดเล็กมาก แต่มีเกสรตัวผู้เป็นเส้นฝอยฟูจำนวนมาก ทำให้ช่อดอกดูคล้ายดอกกระถิน
- ฝักและเมล็ด: ผลเป็นฝักแบน โค้งงอเป็นเกลียวหรือเป็นวงกลม ฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีชมพู แดง หรือขาวอมชมพูแล้วแต่สายพันธุ์ เมื่อฝักแก่เต็มที่จะแตกออก เผยให้เห็นเนื้อในที่เรียกว่า “ยวง” ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้รับประทาน มีสีขาวขุ่นหรือสีชมพูระเรื่อ รสชาติหวานมัน ภายในยวงจะมีเมล็ดแข็งสีดำมันวาวฝังอยู่
สายพันธุ์มะขามเทศในประเทศไทย
มะขามเทศที่นิยมปลูกในไทยมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์โดยเกษตรกร ทำให้ได้พันธุ์ที่มีรสชาติดี ฝักใหญ่ เนื้อเยอะ เช่น:
- พันธุ์ฝ้าย (หรือพันธุ์เกษตร): เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุด ฝักใหญ่ เนื้อฟูหนาคล้ายปุยฝ้าย สีขาวนวล รสชาติหวานมัน
- พันธุ์เพชรโนนไทย: เป็นพันธุ์ที่ขึ้นชื่อจากอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา มีจุดเด่นคือฝักใหญ่พิเศษ เนื้อแน่น รสหวานจัด
- พันธุ์พื้นเมือง: เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ฝักมีขนาดเล็กกว่า แต่ให้ผลดกและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
วิธีการปลูกและดูแลรักษามะขามเทศ
มะขามเทศเป็นพืชที่ ปลูกง่าย ทนแล้ง และเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศของประเทศไทย ทำให้เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ผลในสวนหรือปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนา
- การขยายพันธุ์: วิธีที่นิยมที่สุดคือ การตอนกิ่ง และ การทาบกิ่ง ซึ่งจะให้ผลผลิตเร็วกว่าและได้ต้นที่ไม่กลายพันธุ์ นอกจากนี้ยังสามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดได้ แต่จะใช้เวลานานกว่าจะให้ผลผลิต
- สภาพดิน: สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดีเป็นพิเศษ
- แสงแดด: มะขามเทศเป็นพืชที่ต้องการ แสงแดดจัด ตลอดทั้งวัน เพื่อการเจริญเติบโตและการติดดอกออกผลที่ดี
- น้ำ: ในช่วงแรกปลูกควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อต้นตั้งตัวได้แล้วจะมีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดีมาก อาจให้น้ำเป็นครั้งคราวในช่วงที่ฝนทิ้งช่วงนานๆ เท่านั้น
- การตัดแต่งกิ่ง: ควรมีการตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ กิ่งที่เป็นโรค หรือกิ่งที่หนาแน่นเกินไปออก เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง แสงแดดส่องถึง และสะดวกต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต
มะขามเทศ สรรพคุณ
มะขามเทศไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายตามตำราแพทย์แผนไทยและงานวิจัยสมัยใหม่
- อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: เนื้อฝักมะขามเทศเป็นแหล่งของวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก
- สรรพคุณทางยา:
- เปลือกต้น: นำมาต้มน้ำดื่ม มีสรรพคุณเป็นยาฝาดสมาน ใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ท้องร่วง และใช้บ้วนปากเพื่อรักษาโรคเหงือกอักเสบได้
- ใบ: มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สามารถนำมาตำพอกเพื่อรักษาแผล ฝี หรือใช้ต้มน้ำอาบแก้ผดผื่นคัน
- เนื้อฝัก: ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง เนื่องจากมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง และมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
- สารต้านอนุมูลอิสระ: ในมะขามเทศมีสารประกอบกลุ่มฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุของโรคเสื่อมต่างๆ
มะขามเทศ เบาหวานกินได้ไหม ?
สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่กังวลเรื่องการรับประทานผลไม้ มะขามเทศถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถรับประทานได้ แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ด้วยรสชาติที่หวานไม่จัดจ้านเท่าน้ำตาลทราย และมีกากใยอาหารสูง ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนการทานผลไม้รสหวานจัดชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ ในมะขามเทศยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งดีต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยเบาหวาน
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การควบคุมปริมาณ แม้มะขามเทศจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังคงมีน้ำตาลฟรุกโตสตามธรรมชาติอยู่ การรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปย่อมส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรจำกัดการทานมะขามเทศให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อมื้อ (เช่น ประมาณ 5-7 ฝัก) และไม่ควรทานบ่อยจนเกินไป ควรรับประทานสลับกับผลไม้ชนิดอื่นที่มีน้ำตาลน้อย และทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาวะของตนเอง
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน










