Last Updated on พฤษภาคม 1, 2025 by admin
ดินทราย หมายถึง ดินที่มีเนื้อดินส่วนบนเป็นทราย หรือดินทรายปนร่วนที่มีความหนามากกว่า 100 เซนติเมตรจากผิวดิน หรือในบางพื้นที่อาจพบชั้นดินทรายหนามากกว่า 50 เซนติเมตร โดยมีชั้นดินเหนียว ดินร่วน หรือชั้นดานอินทรีย์รองรับภายในความลึก 100 เซนติเมตร ดินชนิดนี้มีการกระจายตัวอย่างกว้างขวางในทุกภาคของประเทศไทย ความเข้าใจในลักษณะและสมบัติของดินทรายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสม ทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ครอบคลุมและถูกต้องเกี่ยวกับดินทรายในประเทศไทย โดยจะกล่าวถึงลักษณะ สมบัติ การกระจายตัว ปัญหา ข้อจำกัด การใช้ประโยชน์ แนวทางการปรับปรุงจัดการ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้ที่สนใจและเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดินชนิดนี้
ดินทรายมีลักษณะอย่างไร
ดินทรายมีองค์ประกอบหลักคืออนุภาคทราย ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 85 โดยน้ำหนัก หรือบางครั้งอาจมีอนุภาคทรายตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป ขนาดของอนุภาคทรายจะอยู่ในช่วง 0.05 ถึง 2.0 มิลลิเมตร ตามระบบการจำแนกของ USDA กำหนดขนาดอนุภาคทรายไว้ที่ 0.05 – 2.00 มิลลิเมตร ในขณะที่ระบบ IUSS และ WRB แบ่งอนุภาคทรายย่อยลงไปอีก เช่น ทรายละเอียดมาก (0.063 – 0.125 มม.), ทรายละเอียด (0.125 – 0.20 มม.), ทรายละเอียดปานกลาง (0.20 – 0.63 มม.), ทรายหยาบ (0.63 – 1.25 มม.), และทรายหยาบมาก (1.25 – 2.00 มม.) เนื้อดินทรายมีลักษณะร่วน ไม่เกาะตัวกันแน่น สามารถมองเห็นเป็นเม็ดเดี่ยวๆ ได้ เมื่อสัมผัสในสภาพแห้งจะรู้สึกสากมือ และเมื่อกำดินที่แห้งไว้ในอุ้งมือแล้วคลายออก ดินจะแตกออกจากกันได้โดยง่าย
โครงสร้างของดินทรายส่วนใหญ่มักเป็นแบบอนุภาคเดี่ยว (Single Grained) ซึ่งหมายถึงอนุภาคดินไม่มีการยึดเกาะกันเป็นก้อน ทำให้น้ำและอากาศสามารถซึมผ่านได้อย่างสะดวก สีของดินทรายสามารถแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของแร่ธาตุและปริมาณอินทรียวัตถุ เช่น ในดินทรายจัดที่พบในที่ดอนที่มีชั้นดานอินทรีย์ อาจมีสีขาว ส่วนดินทรายที่มีการสะสมของสารประกอบเหล็กและอินทรียวัตถุอาจมีสีน้ำตาลปนแดง ดินที่ผ่านกระบวนการผุพังสลายตัวมามากและมีปริมาณเหล็กสูงมักจะมีสีเหลืองหรือสีแดง
สมบัติทางกายภาพที่สำคัญของดินทราย ได้แก่ การระบายน้ำที่ดีมาก เนื่องจากมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างอนุภาคทราย ทำให้น้ำสามารถไหลผ่านได้อย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม ดินทรายมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ น้ำจะซึมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ดินมีความชื้นน้อย ช่องว่างขนาดใหญ่เหล่านี้ยังส่งผลให้ดินทรายมีการถ่ายเทอากาศที่ดี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของรากพืช โดยทั่วไป ดินทรายมีน้ำหนักเบา แต่เมื่อมีแรงกดทับ อนุภาคทรายสามารถจัดเรียงตัวกันใหม่จนมีความหนาแน่นมากขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะในดินนาที่มีส่วนประกอบของทรายละเอียดมาก อาจพบปัญหาดินแน่นทึบอันเนื่องมาจากการจัดการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการชอนไชของรากพืช
สมบัติทางเคมีของดินทรายที่ควรพิจารณา ได้แก่ ความอุดมสมบูรณ์ที่มักจะต่ำ เนื่องจากอนุภาคทรายมีพื้นผิวจำกัดในการยึดเกาะสารอาหารและอินทรียวัตถุ ปริมาณอินทรียวัตถุ ธาตุโพแทสเซียม และฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่อพืชมักอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของดินทรายสามารถแปรผันได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ โดยบางแห่งอาจมีสภาพเป็นกรด และมีค่า pH ต่ำกว่า 4.0 ในขณะที่บางพื้นที่อาจมีค่า pH ประมาณ 7.5-8.0 หรือในบางภูมิภาค ดินทรายอาจมีปริมาณปูนขาวสูง ทำให้ค่า pH สูง นอกจากนี้ ดินทรายยังมีความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุ (Cation Exchange Capacity – CEC) ต่ำมาก ซึ่งหมายถึงความสามารถในการกักเก็บธาตุอาหารของดินมีจำกัด
ในส่วนของสมบัติทางชีวภาพ ดินทรายมักจะมีปริมาณอินทรียวัตถุต่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินทรายยังมีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ให้กลายเป็นสารอินทรีย์ ซึ่งช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปมรากของพืชตระกูลถั่วยังมีความสามารถในการเปลี่ยนไนโตรเจนจากอากาศให้เป็นสารประกอบที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ดินทรายปลูกอะไรได้บ้าง
ดินทรายมีลักษณะเด่นคือ เนื้อดินหยาบ เม็ดดินใหญ่ ไม่เกาะกัน ทำให้ระบายน้ำและอากาศได้ดีมาก แต่ในขณะเดียวกันก็อุ้มน้ำและธาตุอาหารได้น้อย ดินจึงแห้งเร็วจึงต้องรดน้ำบ่อย และมักมีธาตุอาหารต่ำ อย่างไรก็ตาม มีพืชหลายชนิดที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทราย หรือปรับตัวให้อยู่รอดได้ โดยเฉพาะพืชที่ทนแล้ง หรือมีระบบรากหยั่งลึก
พืชที่สามารถปลูกในดินทรายได้ มีดังนี้:
1. พืชไร่:
- มันสำปะหลัง: เป็นพืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกมากในดินทราย ทนแล้งได้ดีมาก
- อ้อย: ปลูกได้ แต่ต้องการการจัดการน้ำและปุ๋ยที่ดีกว่าดินชนิดอื่น
- ถั่วลิสง: ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี
- ถั่วเหลือง ถั่วเขียว: ปลูกได้ แต่ต้องการการปรับปรุงดินและให้น้ำสม่ำเสมอ
- ข้าวฟ่าง: ทนแล้งและสภาพดินไม่สมบูรณ์ได้ดี
- ปอแก้ว ปอกระเจา: พืชเส้นใยที่ทนทานพอสมควร
- สับปะรด: ชอบดินระบายน้ำดี ทนแล้งได้ดี
2. ผัก:
- มันเทศ: ชอบดินร่วนปนทราย เจริญเติบโตได้ดี
- พืชหัวต่างๆ: เช่น แครอท, หัวไชเท้า, แรดิช ดินทรายที่ร่วนซุยช่วยให้หัวขยายได้ดี (แต่ต้องมีการปรับปรุงดินเพิ่มธาตุอาหารและอินทรียวัตถุ)
- พืชตระกูลแตง: เช่น แตงโม, แตงกวา, แคนตาลูป ชอบดินระบายน้ำดี แต่ต้องการน้ำและปุ๋ยสม่ำเสมอ
- หน่อไม้ฝรั่ง: ชอบดินระบายน้ำดีมาก
- ผักบุ้งจีน: เติบโตเร็ว ปลูกได้ แต่ต้องให้น้ำเพียงพอ
- กระเจี๊ยบเขียว / กระเจี๊ยบแดง: ทนร้อนและสภาพดินได้หลากหลายพอสมควร
3. ไม้ผล:
- มะม่วงหิมพานต์: ทนแล้ง และสภาพดินได้ดีมาก
- มะพร้าว: เจริญเติบโตได้ดีในดินทรายแถบชายทะเล
- น้อยหน่า: ทนแล้งได้ดีพอสมควร
- ฝรั่ง: ปรับตัวได้ดี แต่ต้องการการดูแลเรื่องน้ำและปุ๋ย
4. สมุนไพรและเครื่องเทศ:
- ตะไคร้: ทนทาน ปลูกง่ายในดินหลายชนิด รวมถึงดินทราย
- ข่า: ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี
- ไพล: คล้ายข่า ชอบดินระบายน้ำดี
- โรสแมรี่, ไทม์, ออริกาโน: สมุนไพรฝรั่งหลายชนิดชอบดินระบายน้ำดี ไม่ต้องการความอุดมสมบูรณ์สูงมากนัก
5. ไม้ยืนต้นและไม้ประดับ:
- ยูคาลิปตัส: เติบโตเร็ว ทนแล้ง และสภาพดินได้ดี
- กระถินณรงค์, กระถินเทพา: ไม้โตเร็ว ทนแล้ง เหมาะสำหรับปรับปรุงดิน
- สนทะเล, สนประดิพัทธ์: ทนดินเค็มและดินทรายได้ดี มักปลูกตามชายทะเล
- หางนกยูงฝรั่ง: ไม้ดอกที่ทนทาน
- ลั่นทม (ลีลาวดี): ทนแล้งได้ดี
- คุณนายตื่นสาย, แพงพวย: ไม้ดอกคลุมดินที่ทนร้อนและดินระบายน้ำดีได้ดี
- แคคตัสและไม้อวบน้ำต่างๆ: เหมาะมากกับดินที่ระบายน้ำเร็ว
การใช้ประโยชน์จากดินทราย
แม้ว่าดินทรายจะมีข้อจำกัดหลายประการ แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายด้าน
ด้านการเกษตร: ดินทรายเหมาะสำหรับการปลูกพืชที่ต้องการน้ำน้อย เช่น พืชทะเลทราย พืชทนแล้ง และพืชตระกูลถั่วยืนต้น เช่น กระถินและทองหลาง นอกจากนี้ พืชไร่ที่ต้องการน้ำน้อย เช่น มันสำปะหลัง และพืชผักสวนครัวบางชนิด เช่น คะน้า ผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศ และมะระ ก็สามารถปลูกได้ในดินทราย ในพื้นที่ลุ่ม ดินทรายยังถูกนำมาใช้ในการปลูกข้าว ส่วนในพื้นที่ดอน มักใช้ปลูกพืชไร่ ปาล์มน้ำมัน ทุ่งหญ้า และไม้ละเมาะ บริเวณชายทะเล ดินทรายเป็นพื้นที่หลักสำหรับการปลูกมะพร้าว แนวทางการจัดการดินทรายเพื่อการเกษตรที่เหมาะสม ได้แก่ การพัฒนาระบบน้ำหยดเพื่อให้น้ำทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง การเลือกปลูกพืชที่ทนแล้งและมีระบบรากลึก การปลูกพืชหมุนเวียน การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี และการใช้ถ่านเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกพืช การใส่ปุ๋ยเคมีในดินทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำควรทำร่วมกับการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ และควรเลือกใช้ปุ๋ยเคมีที่ละลายช้าและแบ่งใส่ในปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
ด้านการก่อสร้าง: ดินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในการก่อสร้างอาคาร ถนน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ คุณสมบัติเด่นของดินทรายในการก่อสร้างคือ การระบายน้ำที่ดี การช่วยลดปัญหาการยุบตัวของดิน การเป็นวัสดุถมที่ที่ดี และความสามารถในการนำไปผสมกับดินเหนียวหรือดินลูกรังเพื่อปรับปรุงคุณภาพดินได้ นอกจากนี้ ดินทรายยังมีราคาค่อนข้างถูก ทำให้เหมาะสำหรับการนำไปใช้ถมดินในโครงการบ้านจัดสรร และยังเป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิตคอนกรีต อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังในการใช้ดินทรายในการก่อสร้างคือ ดินทรายมีการยึดเกาะระหว่างอนุภาคน้อยกว่าดินชนิดอื่น และมีโอกาสพังทลายได้ง่ายเมื่อต้องรับน้ำหนักหรือแรงดันที่สูงเกินไป
ด้านอุตสาหกรรม: ดินทราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินขาว (ซึ่งมีลักษณะเนื้อดินเป็นทราย) เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบ และเซรามิก ดินขาวจากบางแหล่งยังมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการนำไปใช้เป็นสารตัวเติม (Filler grade) ในการผลิตเนื้อสีผสมยาฆ่าแมลงและปุ๋ย ทรายที่ได้จากการล้างดินออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรายหินควอทซ์สีขาวเม็ดโต ก็ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิกส์เช่นกัน กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้จัดกลุ่มทรายไว้ในกลุ่มแร่อุตสาหกรรมก่อสร้าง และกลุ่มแร่อุตสาหกรรมเซรามิก แก้ว และกระจก
บทสรุป
ดินทรายเป็นดินที่มีลักษณะเด่นคือมีอนุภาคทรายขนาดใหญ่ ทำให้มีการระบายน้ำและอากาศดี แต่มีความสามารถในการอุ้มน้ำและธาตุอาหารต่ำ พบได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดินทรายมีปัญหาหลักคือการชะล้างพังทลายง่ายและความอุดมสมบูรณ์ต่ำ อย่างไรก็ตาม ดินทรายก็มีประโยชน์ในด้านการเกษตร การก่อสร้าง และอุตสาหกรรม การจัดการดินทรายเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนต้องเน้นการเพิ่มอินทรียวัตถุ การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการเลือกพืชที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มผลผลิต
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน