วัศดุปลูก ยอดนิยม ทั้ง 2 อย่างนี้ มีความเหมือนกันบางข้อ และก็มีข้อแตกต่างกันอยู่หลายข้อ วันนี้ ผู้เขียนจะมาแนะนำ
เพื่อให้เลือกใช้กันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
คุณสมบัติ
เวอร์มิคูไลท์ คือแร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งอุดมไปด้วย แมกนีเซียม อลูมินั่ม และซิลิเกต
เวอร์มิคูไลท์ ได้จากการขุดหรือทำเหมือง และผ่านกระบวนการแปรรูป เพื่อนำมาใช้ในการเพาะปลูก
ในส่วนของเพอร์ไลท์นั้น คือเถ้าหินภูเขาไฟ ซึ่งเย็นตัวลง โดยก่อนที่จะนำมาใช้ในการเพาะปลูก ต้องนำมา ผ่านความร้อนสูงอีกครั้ง เพื่อให้พองตัว มีรูพรุน และมีน้ำหนักเบา
ทั้ง เพอร์ไลท์ และ เวอร์มิคูไลท์ ต่างก็ไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติในระยะเวลาอันสั้น ทั้งคู่จึงสามารถใช้เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดินได้อย่างถาวร ในส่วนของค่า PH นั้น มีความแตกต่างกัน โดยที่ เพอร์ไลท์ จะมีความเป็นด่างอยู่เล็กน้อย
และเวอร์มิคูไลท์ จะเป็นกลาง ทั้ง เพอร์ไลท์ และเวอร์มิคูไลท์นั้น สะอาด ปราศจากเชื้อโรค และไม่มีกลิ่น
การเก็บความชื้น
ทั้ง คู่สามารถ เก็บความชื้นได้ดีในระดับนึง แต่เนื่องจาก เพอร์ไลท์ นั้นมีรูพรุนอยู่ที่พื้นผิว จึงทำให้ ระบายน้ำได้เร็วกว่า เวอร์มิคูไลท์มากเช่นกัน เวอร์มิคูไลท์นั้นมีคุณลักษณะและโครงสร้างคล้ายฟองน้ำ จึงเก็บน้ำได้ดีกว่า เพอร์ไลท์มาก แต่ก็หมายความว่า ระบายอากาศได้น้อยกว่าเนื่องจาก ไม่มีรูเหมือนเพอร์ไลท์
การใช้งานในด้านการเพาะปลูก
ทั้ง 2 อย่างมีวัตถุประสงค์ คล้ายคลึงกัน เมื่อนำมาใช้ในด้านการเพาะปลูก คือเพื่อปรับปรุงโครงสร้างดิน รักษาความชื้น
ช่วยให้ดินไม่เหนียวจับตัวกันเป็นก้อน ช่วยให้รากพืชเดินสะดวก และเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ
แต่คำถามที่ว่างั้นควรใช้ เพอร์ไลท์ หรือ เวอร์มิคูไลท์ดี ประเภทและความต้องการของต้นไม้ที่คุณปลูก จะเป็นคำตอบของคำถามนี้ กล่าวคือ สำหรับ ต้นไม้ที่ ต้องการความชื้นมาก มีความทนทานต่อความชื้นสูง เวอร์มิคูไลท์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่สำหรับ ต้นไม้ ที่ไม่ต้องการความชื้นมาก หรือชอบความแล้งหน่อยๆด้วยซ้ำ อย่าง กระบองเพชร คุณก็ควรจะเลือกใช้เพอร์ไลท์
สั่งซื้อ เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลท์ หรือวัศดุปลูกอื่นๆ โทร 095-5419953
หรือแอดไลน์ @luckyworm
หรือ
